ประจวบคีรีขันธ์-จับกุมมอดไม้หวงห้ามแปรรูป ได้ผู้ต้องหาพร้อมของกลางอื้อ
ภาพ/ข่าว:เอกภพ วงษ์ประเสริฐ
เครดิตภาพ สภ.ปราณบุรี
เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.วันที่ 14 มกราคม 67 พ.ต.ท.ภูมิพัฒน์ พงศ์บุณย์ดี รองผู้กำกับปราบปราม สภ.ปราณบุรี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่า พบมีกลุ่มบุคคลกำลังเรื่อยแปรรูปไม้จันทนา ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามที่มีขึ้นส่วนใหญ่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติป่ากุยบุรี อยู่ที่บริเวณ หมู่ 5 บ้านกระทุ่น ตำบลเขาจ้าว อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับแจ้งจึงรายงานให้ พ.ต.อ.หงส์พรหม วิศิษฐ์ชนะชัย ผกก.สภ.ปราณบุรี ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายปราบปรามร่วมกับชุดสืบสวน สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารกองพันทหารราบที่ 2 ศูนย์การทหารราบค่ายธนะรัชต์ปราณบุรี เจ้าหน้าที่ทหาร กอ.รมน.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 145 เข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว
เมื่อไปถึงพบมอดไม้จำนวน 2 คน พร้อมอุปกรณ์เครื่องเลื่อยยนต์ กำลังทำการผ่าไม้อยู่ที่บริเวณทางสาธารณะพื้นที่หมู่ 5 บ้านกระทุ่น ตำบลเขาจ้าว อำเภอปราณบุรี จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุมตัว เมื่อมอดไม้ทั้ง 2 รายเห็นเจ้าหน้าที่จึงได้ทิ้งอุปกรณ์แล้ววิ่งหลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงได้ปิดล้อมพื้นที่ และติดตามจับกุมตัวมาได้ 1 ราย ทราบชื่อ นายสว่างหรือหว่าง(สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี เป็นชาวบ้านในหมู่บ้านกระทุ่น หมู่ 5 ตำบลเขาจ้าว อำเภอปราณบุรี ส่วนอีก 1 ราย ได้อาศัยความชำนาญในพื้นที่วิ่งหลบหนีไปได้อย่างลอยนวล ซึ่งทราบชื่อต่อมาภายหลังชื่อเล่นว่า นายอ้น ยังไม่ทราบอายุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามจับกุมตัวมาสอบปากคำอย่างละเอียดในลำดับต่อไป
ส่วนนายหว่าง อายุ 51 ปี ผู้ต้องหาที่จับมาได้ให้การระบุว่า ตนได้ร่วมกับนายอ้น หรือนายวิเชียร ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กันได้รับจ้างจากชายไม่ทราบชื่อให้ทำการตัดแปรรูปไม้จันทนาที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงินสดยกละ 3,000 บาทโดยจะได้รับเงินค่าจ้างเมื่อตัดแปรรูปไม้ดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน
อย่างไรก็ดีทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การโดยมีข้อพิรุธสงสัยว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้จักผู้ว่าจ้าง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ จะได้ติดตามจับกุมตัวผู้ที่หลบหนีไปได้อีก 1 ราย มาสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งเตรียมเชิญตัวผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำท้องที่คนอื่นๆในพื้นที่เกิดเหตุว่ามีส่วนรู้เห็น หรือเกี่ยวข้องกับการแปรรูปไม้ครั้งนี้ด้วยหรือไม่
จากนั้นจึงได้ทำการตรวจยึดของกลางไว้เป็นหลักฐาน ประกอบด้วย ไม้จันทนาแปรรูปจำนวน 36 แผ่น ลักษณะเหลี่ยมและไม้จันทนาท่อน จำนวน 4 ท่อน เลื่อยโซ่ยนต์ขนาด 9 แรงม้า ใบอนุญาตเลขที่ 652/2551 ซึ่งระบุว่าเป็นของนายสว่าง ผู้รับใบอนุญาตจำนวน 1 เครื่อง แผ่นบังคับโซ่ยนต์ไม่มีทะเบียนและโซ่ขนาด 36 นิ้ว จำนวน 1 ปื้น ตลับเมตรจำนวน 1 อันตะไบกลมจำนวน 2 อัน ดินสอเขียนไม้จำนวน 1 เล่ม น้ำมันเบนซิน 1 แกลลอน จำนวน 3 ลิตร น้ำมันเครื่องหล่อโซ่ 2 แกลลอน จำนวน 5 ลิตร และมีดง้าวจำนวน 1 เล่ม
เจ้าหน้าที่จึงได้พิจารณาร่วมกันเห็นว่า จุดเกิดเหตุเป็นที่เขตปลอดภัยทางทหาร จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา 1.กระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยเขตปลอดภัยในราชการทหาร พุทธศักราช 2478 มาตรา 5,6 และมาตรา 7 ฐาน เมื่อได้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณเขตปลอดภัยไว้แล้วห้ามมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดปลูกสร้างโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างลงในบริเวณเขตปลอดภัยนั้น หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่แล้ว หรือเพาะปลูกต้นไม้ซึ่งอาจเป็นภัย หรือยักย้ายต้นไม้ที่ปลูกไว้แล้วอันเป็นสภาพอสังหาริมทรัพย์ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากกระทรวงกลาโหม และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในใบอนุญาตนั้นด้วย
2.กระทำผิดตามพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2562 มาตรา 45 ฐาน ผู้ใดเข้าไปในที่ราชพัสดุเพื่อยืดถือหรือครอบครองทั้งหมดหรือแต่บางส่วนโดยไม่มีสิทธิ์โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุโดยปกติสุข หรือด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพแก่ที่ราชพัสดุต้องระว่างโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนจะส่งให้พ.ต.ท.รมย์ อนุเคราะห์ สารวัตรสอบสวน สภ.ปราณบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป