ประจวบคีรีขันธ์-จับไม้เถื่อนวุ่น…!มีผู้อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเสนอเคลียร์ตำรวจปราณบุรี 50,000 บาท แลกจบคดี..!!!
ภาพ/ข่าว:เอกภพ วงษ์ประเสริฐ
วันที่ 17 มกราคม 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปราณบุรี นำโดย พ.ต.ท.ภูมิพัฒน์ พงศ์บุณย์ดี รองผู้กำกับปราบปราม สภ.ปราณบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารศูนย์การทหารราบค่ายธนะรัชต์ปราณบุรี เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดประจวบฯ ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ ตำรวจ ตชด.145 ร่วมกันจับกุมมอดไม้ ขณะกำลังใช้เครื่องเลื่อยยนต์เลื่อยแปรรูปไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งในบันทึกจับกุมระบุว่าเป็นไม้จันทนา ซึ่งกำลังแปรรูปเป็นไม้ระแนงในพื้นที่ หมู่ 5 บ้านกระทุ่น ตำบลเขาจ้าว อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ 1 ราย หลบหนีไปได้ 1 ราย พร้อมของกลางไม้แปรรูปแล้วจำนวน 36 แผ่น และไม้ซุงจำนวน 4 ท่อน เมื่อวันที่ 14 มกราคม 67 ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนและออกหมายจับติดตามหาตัวผู้ที่กำลังหลบหนีและผู้จ้างวานซึ่งเป็นเจ้าของไม้ตัวจริงมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามที่ผู้สื่อข่าวได้เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าของคดี กับ พ.ต.อ.หงส์พรหม วิศิษฐ์ชนะชัย ผกก.สภ.ปราณบุรี เปิดเผยว่า กรณีไม้ของกลางที่ระบุในสำนวนบันทึกจับกุมเป็นไม้จันทร์นั้น ทางตำรวจเองไม่มีความรู้ ประสบการณ์เรื่องไม้ ซึ่งได้ระบุไปตามที่เจ้าหน้าที่ของป่าไม้แจ้งมาว่าเป็นไม้จันทร์ชื่อจริงก็คือไม้จันทนา ป่าไม้เรียกว่าอย่างไรเราก็เรียกตามแบบนั้น เพราะตำรวจไม่มีความรู้เรื่องไม้ และขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และการออกหมายจับผู้ที่กำลังหลบหนีเพื่อสาวหาตัวผู้ว่าจ้างและผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด ซึ่งการหาแหล่งที่มาของไม้ที่ถูกตัดมายอมรับว่ามีความยากลำบากในการสืบหาแหล่งที่มาว่าตัดไม้มาจากในพื้นที่ใด หรือนำเข้ามาจากพื้นที่อื่น เนื่องจากสภาพไม้มีลักษณะเป็นไม้แห้งที่ตัดมาไว้นานแล้วไม่ใช่ไม้สด ซึ่งจะต้องมีการร่วมมือกันกับหลายหน่วยงานในการสืบหาแหล่งที่มาต่อไป
ร.อ.กิตติศักดิ์ คงกระเรียน นายทหารฝ่ายยุทการ และการข่าว ศร.พัน 2 เปิดเผยว่า ไม้ที่ตรวจยึดมาได้นี้เป็นไม้สงวนหวงห้ามแน่นอน จะมีขึ้นอยู่เฉพาะในเขตอุทยานแห่งชาติป่ากุยบุรี ซึ่งในพื้นที่ตำบลเขาจ้าวไม่น่าจะมี ส่วนประเภทและชื่อของไม้ที่ระบุลงไปในสำนวนบันทึกจับกุมว่าเป็นไม้จันทนานั้น ได้ชื่อไม้มาจากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเมื่อสื่อมวลชนมีการเห็นแย้ง จึงได้ให้ทางตำรวจทำหนังสือไปถึงป่าไม้ให้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ และวัดปริมาตรไม้ว่าเป็นไม้จันทร์ประเภทใดกันแน่ ซึ่งหากตรวจสอบแล้วเป็นไม้จันทร์หอม ที่ใช้ในงานพระราชพิธีราชวงศ์ชั้นสูงจริงก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย และสืบหาตัวผู้ร่วมขบวนการให้ได้ โดยไม้ของกลางที่ตรวจยึดมาได้นี้เป็นไม้หวงห้ามแน่นอน และได้ฝากไม้ของกลางไว้ที่ด้านหลังโรงพัก สภ.ปราณบุรี เพื่อรอผู้เชี่ยวชาญป่าไม้มาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนในที่เกิดเหตุยังมีไม้ขนาดใหญ่เป็นไม้หมากเล็กหมากน้อยอีก 2 ท่อน ที่ไม่ได้ตรวจยึดมา เนื่องจากไม่ใช่ไม้หวงห้าม
ผู้สื่อข่าวรายงาน เพิ่มเติมว่า ได้รับรายงานจากแหล่งข่าวระดับสูงอ้างว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่มีการสนธิกำลังเข้าจับกุมไม้ในครั้งนี้ ได้มีบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง 2 ตำแหน่ง โทรศัพท์มาติดต่อเจรจาขอเคลียร์ด้วยวงเงิน 50,000 บาท แลกจบคดี และมีการต่อรองเจรจาเหลือ 35,000 บาท กับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมหน่วยหนึ่งจริง แต่ไม่ทราบว่าสำเร็จหรือไม่
จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า 1.จะเกี่ยวข้องและเป็นเหตุผลของชื่อชนิดไม้ที่ระบุในสำนวนหรือไม่ ถ้าชื่อประเภทไม้หวงห้ามถูกเปลี่ยนไปเป็นพืชสมุนไพร อัตราโทษอาจจะเบาบางลง หรือ อาจจะพ้นความผิดได้หรือไม่ ข้อสังเกตุ 2.ไม้ของกลางขนาดใหญ่ที่ยังอยู่ในจุดเกิดเหตุอีก 2 ท่อน เป็นไม้หมากเล็กหมากน้อยที่ไม่ใช่ไม้หวงห้ามจริงหรือไม่ เนื่องจากชื่อไม้ทั้งหมดได้มาจากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งมองว่าเจ้าหน้าที่อาจถูกชาวบ้านตบตาหลอกหรือไม่ เนื่องจากขณะจับกุมเจ้าหน้าที่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้ และจำนวนวงรอบของเนื้อไม้ระบุว่ามีอายุหลายสิบปีแล้ว ข้อสังเกตุ 3.ขณะจับกุมและก่อนการลงบันทึกในสำนวนจับกุม ทำไมถึงไม่ประสานให้ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องด้านป่าไม้มาตรวจสอบพร้อมกันก่อนที่จะมีการลงบันทึกในสำนวนจับกุม เช่นเดียวกันกับเชิญแพทย์มาชันสูตรพลิกศพ เพื่อหาสาเหตุการตาย ณ จุดเกิดเหตุ ข้อสังเกต 4.เหตุใดมีผู้อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองติดต่อมาขอเจรจาต่อรองเคลียร์เรื่องนี้ด้วยเงินจำนวน 5 หมื่นบาท มีเอี่ยวกับขบวณการค้าไม้เถื่อนครั้งนี้ด้วยหรือไม่