“บิ๊กโจ๊ก”ลุยหามาตรการ เพิ่มสวัสดิการ ตร.ชั้นผู้น้อย

“บิ๊กโจ๊ก”ลุยหามาตรการ เพิ่มสวัสดิการ ตร.ชั้นผู้น้อย

ภาพ-ข่าว:นายหัวไทร

              “บิ๊กโจ๊ก” ลุยแผนเพิ่มคุณภาพชีวิตตำรวจชั้นผู้น้อย พร้อมเคลียร์ปัญหาการฉ้อโกงในสหกรณ์ตำรวจ เพื่อแก้ปัญหาตำรวจ 1,484 โรงพักเป็นหนี้ท่วม เผยเจรจาแบงก์ออมสินกู้เงินดอกเบี้ยต่ำ 300 ล้านเสริมสภาพคล่องให้สหกรณ์ตำรวจ จังหวัดพัทลุง ช่วยตำรวจกว่า 20 โรงพักคุณภาพชีวิตดีขึ้นเงินเดือนไม่ติดลบ หากมีโอกาสจะแก้ปัญหาสหกรณ์ตำรวจทั้งประเทศเพื่อให้ตำรวจได้มีเงินเหลือใช้ม่ติดลบ เขาจะได้มีกำลังใจมาดูแลประชาชน พร้อมเร่งแก้ระเบียบเงินรางวัลในการออกใบสั่งต้องเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับภาวะเงินเฟ้อและลดปัญหาการรีดไถ

                พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จะเร่งดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาคุณภาพชีวิตของตำรวจชั้นผู้น้อยให้ดีขึ้น โดยเร็ว เพราะจากการลงพบปะเยี่ยมเยียน สร้างขวัญกำลังใจให้กับตำรวจโรงพักทุ่งลุง จังหวัดพัทลุง พร้อมดูงานในเรื่องสหกรณ์ตำรวจ พบว่าตำรวจประจำโรงพักทั่วประเทศ 1,484 แห่ง เป็นหนี้เป็นสินท่วมตัว สาเหตุมาจากการฉ้อฉลในสหกรณ์ตำรวจทุกจังหวัดทั่วประเทศ

                รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ยกตัวอย่าง กรณีของ จังหวัดพัทลุง ตำรวจทั้งจังหวัด ถูกโกงสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ มา 40 กว่าปี เป็นจำนวนเงิน 1,500 กว่าล้านบาท พอรับเรื่องร้องเรียนมาจากตำรวจชั้นผู้น้อย จึงลงไปสืบสวน สอบสวน กระทั่งพบได้ว่า ตำรวจทั้งจังหวัดถูกโกงสหกรณ์ตำรวจ เป็นจำนวนเงินกว่า 1,500 ล้านบาท ตำรวจถูกหักเงินเดือนใช้หนี้สหกรณ์ ติดลบแทบทั้งหมด “ผมจับผู้ต้องหาทั้งตำรวจและเจ้าหน้าที่สหกรณ์รวมทั้งสิ้น 50 กว่าราย ยึดทรัพย์โดย ปปง. เป็นจำนวนเงิน 1,200 กว่าล้านบาท แต่สุดท้ายสหกรณ์ก็จะล้มละลายอยู่ดี ดังนั้นการจับอย่างเดียวไม่ใช่การแก้ไขปัญหาให้กับตำรวจ ผมจึงต้องไปขอพบ ธนาคารออมสิน เพื่อขอกู้เงินดอกเบี้ยถูกจำนวน 300 ล้าน ดอกเบี้ย ร้อยละ 2.5 มาแทน ดอกเบี้ย 7.5 สหกรณ์จึงเกิดสภาพคล่อง

                ทุกวันนี้ตำรวจพัทลุงเกือบ 20 โรงพัก อยู่ได้ เพราะหักเงินแล้วยังเหลือประมาณ 3,000- 4,000 บาท พวกเขายืนได้ หากมีโอกาสจะแก้ปัญหาสหกรณ์ตำรวจทั้งประเทศเพื่อให้ตำรวจได้เหลือเงินไว้ใช้จ่าย 3 พัน 4 พัน เขาจะได้มีกำลังใจมาดูแลประชาชน พร้อมยังกล่าวอีกว่า ตำรวจจะดีได้ 2 มือต้อง balance กัน” พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กล่าว

                  คำว่า balance ก็คือการยกระดับคุณภาพชีวิตของตำรวจควบคู่ไปกับการปฏิบัติหน้าที่ให้เข้าถึงใจประชาชน แต่อุปสรรคสำคัญของตำรวจวันนี้ก็คือเรื่องของคุณภาพชีวิต ทั้งนี้เราต้องเข้าใจก่อนว่า ฟันเฟืองหลักที่ทำงานจริงๆ คือ จ่า ดาบ ตำรวจชั้นประทวน รองสารวัตร ฉะนั้นหากพวกเขาเหล่านี้ เป็นหนี้ชนิดติดลบ จะเอาพลังที่ไหนไปทำ ไปแก้ปัญหาให้ประชาชน ไปเป็นที่พึ่งพาของประชาชนได้ ขึ้นโรงพักไม่ต้องฝาก หรือ ชาวบ้านเดือดร้อนจะต้องมาพบผู้กำกับโรงพัก ผู้กำกับโรงพักต้องทำให้ประชาชนเชื่อมั่น “เรื่องขวัญ กำลังใจ สวัสดิการ ความเป็นอยู่ ต้องมาก่อน และผู้บังคับบัญชา จะนั่งแก้ปัญหาแต่ในห้องแอร์ไม่ได้ ต้องออกไปประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแหล่งเงินที่ดอกเบี้ยถูก เช่น ออมสิน เข้ามาทดแทน สหกรณ์ที่ดอกเบี้ยแพง ตำรวจจะได้มีเงินเหลือคนละ 3,000 – 4,000 บาทต่อเดือน เท่านี้ เมื่อเขาอยู่ได้ ทุกอย่างมันจะขับเคลื่อนทันที”พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กล่าว

                 พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ผู้บังคับบัญชาจะต้องทำต่อไป ก็คือการเอาใจใส่และให้คำแนะนำแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ถึงแนวทางในการบริหารจัดการเงิน เรียนรู้อย่างอดออมและพอเพียง ไม่สร้างหนี้เพิ่มเติม เมื่อไม่มีหนี้สิน การทุ่มทั้งกำลังใจและกำลังกายมาแก้ปัญหาให้กับประชาชนที่เดือดร้อนเรื่องความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สิน ก็จะทำได้อย่างสมบูรณ์และเข้าถึงประชาชนมากยิ่งขึ้น

                 รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังบอกด้วยว่า ไม่ใช่แค่ปัญหาหนี้สินของตำรวจเท่านั้น แม้กระทั่งเรื่อง รางวัลจากการออกใบสั่งผู้กระทำผิดด้านการจราจร ก็ต้องได้รับการแก้ไข เพราะที่ผ่านมาตำรวจเราถูกมองว่า จับเพื่อหวังเงินค่าปรับ เราต้องปรับทัศนคติตำรวจใหม่ว่า จับเพราะต้องการกวดขันชาวบ้าน ให้ลูกเต้าเขาได้สวมหมวกนิรภัย ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ขณะขับขี่ เกิดความปลอดภัยทางถนน ส่วนเรื่องค่าปรับเป็นผลพลอยได้ ณ วันนี้ผ่านมา 20 ปีแล้วเงินรางวัลค่าปรับ ตำรวจจราจรยังได้รับเดือนละไม่เกิน10,000 บาท ซึ่งวันนี้ค่าเงินเฟ้อไปไกลแล้ว

                ส่วนนี้ต้องดูค่าเงินเฟ้อ แล้วนำมาวิเคราะห์ เพื่อปรับเงินรางวัลให้กับตำรวจ อาจจะถึง 20,000 ก็เป็นได้ และหากได้มาก็จะเป็นการสร้างกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติ เขาจะได้มีขวัญกำลังใจมาดูแลประชาชนไม่ต้องไปรีดไถ ที่สำคัญเงินรางวัลในการออกใบสั่งแต่ละใบนั้นไม่ว่าจะมากน้อย กี่สิบล้านบาท แค่ไหน แต่กฎหมายเขียนไว้ชัดว่า ตำรวจจะได้เพียง 10,000 บาทเท่านั้น นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ประชาชนไม่เคยรู้ และมอง ตำรวจจราจรที่กวดขันวินัย ไปในทางลบ” ซึ่งเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไขเพื่อให้สองมือ balance กันนั่นเอง

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!