ประจวบคีรีขันธ์-ชาวบ้านสุดทน! แรงงานเถื่อนเมียนมาร์ทะลักชายแดนสิงขรรายวัน..ทำพื้นที่เกษตรชาวบ้านเสียหาย..!!
ภาพ-ข่าว: เอกภพ วงษ์ประเสริฐ
เมื่อเวลา 04.00 น.วันที่ 20 ก.พ.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ ชรบ.บ้านด่านสิงขร ได้สนธิกำลังร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ดักจับแก๊งกองทัพมดเมียนมาร์ ที่ทยอยแอบลักลอบข้ามชายแดนเข้ามายังฝั่งไทยผ่านช่องทางธรรมชาติแนวเทือกเขาตะนาวศรี ใกล้กลับช่องจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร หวังเข้ามาหางานทำในพื้นที่ต่างๆ หลังจากในพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้านยังไม่ค่อยสงบ โดยสามารถสกัดจับรถยนต์เก๋งยี่ห้อ Toyota Vios สีบอร์น-เงิน หมายเลขทะเบียน กฉ 2505 ประจวบฯ มี นายสิทธิศักดิ์ คูภากรณ์ อายุ 38 ปี ชาวบ้าน หมู่ 1 ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เป็นผู้ขับขี่ ได้พาแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาชาย จำนวน 3 คน อายุระหว่าง 20-30 ปี หลบหนีมาตามถนนสายเพชรเกษม-ด่านสิงขร เมื่อมาถึงด่านจุดตรวจประชารัฐได้เลี้ยวขวาหักหลบไปทางเส้นทางสายรองทางเข้าวัดพุทธสิงขรก่อนถูกชาวบ้านสกัดจับได้ในพื้นที่หมู่บ้านด่านสิงขร หมู่ 6 ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จากนั้นจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึกมาดำเนินการจัดทำประวัติ และรับตัวไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาผู้นำหมู่บ้าน ชรบ. และชาวบ้านยังสามารถจับกุมต่างด้าวชาวเมียนมาส่งเจ้าหน้าที่ทหารได้อีก จำนวน 5 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 2 คน พร้อมรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ Honda รุ่น Wave สีแดง-ดำ หมายเลขทะเบียน 5 ขถ 2427 กรุงเทพมหานคร รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ Honda รุ่น Wave สีแดง-ดำ หมายเลขทะเบียน 1 กฌ 1348 เพชรบุรี โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Infinity สีดำ จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Xiaomi สีดำ อีกจำนวน 1 เครื่อง ก่อนส่งตัวให้ทหารดำเนินการตามขั้นตอนส่ง สภ.คลองวาฬ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นเป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ได้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองมาจากฝั่งประเทศเมียนมา เพื่อไปหาทำงานในเขตพื้นที่ อ.เมืองประจวบฯ โดยมีญาติชาวเมียนมาร์ที่ทำงานอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้วขับขี่รถจักรยานยนต์มารับเข้าไปในพื้นที่แต่ถูกจับได้เสียก่อน
มีรายงานเพิ่มเติมจากแหล่งข่าว ระบุว่า แรงงานเถื่อนชาวเมียนมาร์ได้แอบลักลอบข้ามชายแดนไทยช่วงบริเวณหมู่บ้านด่านสิงขร และหมู่บ้านใกล้เคียงแทบทุกวัน แต่จะทยอยเข้ามาเรื่อยๆแบบกองทัพมดเฉลี่ย 3-5 คน ต่างจากเมื่อก่อนที่เดินทางข้ามแดนมาครั้งละไม่ต่ำกว่า 100 คน เนื่องจากบริเวณชายแดนไทย-เมียนมาร์จุดนี้มีระยะทางข้ามแดนที่สั้นกว่าจุดอื่น และข้ามง่ายที่สุดใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ซึ่งการทยอยข้ามแดนลักษณะแบบกองทัพมดจะสามารถหลบสายตาเจ้าหน้าที่ได้ง่ายกว่า แต่ทำให้พืชผลและพื้นที่ทำการเกษตรกรรมของชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับชายแดนได้รับความเสียหาย จึงได้มีการสนธิกำลังสกัดจับเท่าที่จะทำได้ก่อนส่งให้กับเจ้าหน้าที่ทหารผู้มีหน้าที่รับผิดชอบด้านชายแดน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป