หนุ่มสาวเมียนมาร์หนีเกณฑ์ทหารทะลักเข้าไทยชายแดนประจวบ ช่องด่านสิงขร จนท.จับได้รายวัน
ภาพ/ข่าว:เอกภพ วงษ์ประเสริฐ
วันที่ 6 เมษายน 67 ผู้สื่อข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์รายงานว่า วานนี้ เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ โดย พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง ผบ.ร.19 พ.อ.สรายุทธ ศรลัมพ์ รอง ผบ.ร.19 รอง ผบ. ฉก.จงอางศึก ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมกับ เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติป่ากุยบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 146 ด่านสิงขร และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้ร่วมกันจับกุมวัยรุ่นหนุ่มสาวชาวเมียนมาร์ อายุระหว่าง 19-31 ปี รวมจำนวน 12 คน ที่แอบลักลอบข้ามชายแดน จากฝั่งเมียนมาเข้ามายังฝั่งไทย บริเวณช่องทางธรรมชาติหัวเขา แนวเทือกเขาตะนาวศรี (ช่องต้นตีนเป็ด) บ้านหนองขาม หมู่ 3 ตำบลเกาะหลัก อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ประกอบด้วย ๑.นาย แว เมี๊ยก อายุ ๔๙ ปี ๒.นางสาว พิว ตีดี ซู อายุ ๑๙ ปี ๓.นางสาว เม เตจา อู อายุ ๒๓ ปี ๔.นางสาว แฮ ซู มูมู อายุ ๒๔ ปี ๕.นางสาว เน จิ ไร อายุ ๑๙ ปี ๖.นางสาว มา แนแน พิว อายุ ๓๑ ปี ๗.นางสาว มูมู เอ อายุ ๒๗ ปี ๘.นาย เม เม ทุย อายุ ๒๗ ปี ๙.นาย มิว เต มะ อายุ ๓๔ ปี ๑๐.นาย เมี๊ยะ ซู อ่อง อายุ ๒๘ ปี ๑๑.นาย ซอจิ อายุ ๒๘ ปี ๑๒.เด็กชาย ปิ ปิ อายุ ๔ ปี(ผู้ติดตาม)
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ชาย-หญิง ชาวเมียนมาอายุระหว่าง 18-35 ปี ถูกบังคับให้ไปเกณฑ์ทหาร ตามประกาศคำสั่งของ พล.อ.อาวุโส มินอ่องไหล่ ประธานสภาบริหารแห่งรัฐ (State Administration Council : SAC) ได้ออกคำสั่ง ฉบับที่ ๒๗/๒๕๖๗ ประกาศให้กฎหมายการรับราชการทหาร ฉบับที่ ๒๗/๒๕๕๓ ซึ่งกำหนดให้ผู้ชายทุกคนที่มี อายุ ๑๘ – ๓๕ ปี และผู้หญิงทุกคนที่มีอายุ ระหว่าง ๑๘ – ๒๗ ปี จะต้องรับราชการทหาร โดยมีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย ตั้งแต่ วันที่ ๑๐ ก.พ.๖๗ เป็นต้นไป จึงได้หลบหนีการเกณฑ์ทหารข้ามมายังฝั่งไทยเพื่อไปหางานทำและอยู่กับญาติๆที่ทำงานอยู่ในฝั่งไทยก่อนหน้านี้ โดยหลบหนีมาจากเมือง เอยะวดี มะริด ทวาย ปะลอ ของประเทศเมียนมาร์ แล้วจะไปหางานทำที่กรุงเทพฯ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดชลบุรี เป็นต้น โดยเสียค่านำพาให้กับนายหน้าชาวเมียนมา จำนวน 20,000 บาทต่อคน โดยนายหน้าจะเสียค่าหัวให้กับทางการเมียนมาที่อยู่ตามชายแดนหัวละ 500 บาท ซึ่งสามารถถูกเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยจับกุมผลักดันกลับได้จำนวน 3 ครั้ง แล้วหลังจากนั้นจะต้องเริ่มจ่ายใหม่
จากนั้นเจ้าหน้าที่ จึงได้ทำการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของผู้ต้องหาทั้งหมด ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ พร้อมกับทำบันทึกจับกุมแจ้งข้อกล่าวหา กระทำผิดลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต (พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522) จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่ง สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อดำเนินการสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาในช่วงระยะนี้มีการลักลอบข้ามแดนมาเป็นจำนวนมากซึ่งถูกเจ้าหน้าที่จับได้รายวัน ครั้งละไม่มาก เนื่องจากใช้วิธีลักลอบทยอยข้ามแดนเข้ามาแบบกองทัพมด และกระจายลักลอบ เข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ ช่องต่างๆซึ่งมีมากกว่า 50 ช่องทาง เมื่อหนีรอดพ้น จนท.ไปได้ก็จะมีนายหน้าฝั่งไทยใช้รถยนต์นำพาส่งไปยังจุดหมายปลายทางของแรงงานต่ออีกทอดหนึ่ง โดยเมื่อประมาณ เวลา 20.30 น.ของวันที่ 1 เมษายน 67 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหาร และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็สามารถจับกุมชาย-หญิง ชาวเมียนมาได้จำนวน 6 คน ซึ่งหลบหนีการเกณฑ์ทหารเช่นกัน โดยเดินทางมาจากบ้านมูด่อง อำเภอตะนาวศรี จังหวัดมะริด ประเทศเมียนมาร์ ต้องการข้ามแดนมาหาทำงานในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับได้เสียก่อน ประกอบด้วย ๑.นาย ลิขิต ประกอบปาน อายุ ๒๕ ปี (ผู้ช่วยเหลือฯ) ๒.นาง เน มูมู มา อายุ ๒๘ ปี ๓.นาง เอ แหง่ อายุ ๒๗ ปี ๔.นาย เร ยาม ปาย อายุ ๒๔ ปี ๕.นาย อ่า เมีย โซ อายุ ๒๒ ปี ๖.เด็กชาย เซ เม เมีย อายุ ๑๑ ปี (ผู้ติดตาม) จึงถูกแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายที่ สภ.คลองวาฬ ต่อไป
วันที่ 2 เมษายน 67 เวลาประมาณ 23:30 น.เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมาได้อีกจำนวน 8 ราย พร้อมผู้ต้องหานำพาชาย-หญิง อีก 2 ราย เป็นชาวบ้านหมู่ 9 ตำบลทับสะแก อำเภอทับสะแก และชาวบ้านหมู่ 2 ตำบลเกาะหลัก อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ พร้อมรถยนต์ยี่ห้อ Toyota Wish สีดำ เลขทะเบียน กค 8506 ประจวบ อีกจำนวน 1 คัน ได้ที่บริเวณถนนสาธารณะ หมู่ 6 บ้านทุ่งเคล็ด ตำบลเกาะหลัก อำเภอเมืองประจวบฯ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา พร้อมนำตัวส่ง สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป