“มูลนิธิเมาไม่ขับ”ทำหนังสือให้เพิ่มโทษผู้ที่เมาแล้วขับและขอให้กำลังใจตำรวจ
ภาพ-ข่าว:บ.ก.อรกัญญา หลิมสัมพันธ์
เมื่อวันที่ 27 เม.ย.67 นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้ทำหนังสือถึงผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงพระโขนง โดยเรียกร้องขอให้พิจารณาตัดสินลงโทษสถานหนัก เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับผู้ที่เมาแล้วขับ และแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจรักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข่าวต่อสาธารณชนกรณี นางสาวมนธ์สินี กีรติไกร ขับรถขณะเมาสุรา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 เวลา 00.30 น ท้องที่สถานีตำรวจนครบาลประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้จากข้อมูลที่เผยแพร่ในสื่อสาธารณะชนทุกแขนงปรากฏพบว่า นางสาวมนธ์สินี กีรติไกร เคยถูกจับดำเนินคดีในข้อหาเมาแล้วขับมาแล้วเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2565 ซึ่งศาลได้ให้โอกาสโดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี สอดคล้องกับพรบ.จราจรทางบกฉบับใหม่ที่มีการแก้ไขและประกาศบังคับใช้ในกรณีของเมาแล้วขับซ้ำในระหว่างที่ถูกรอลงอาญา 2 ปี ให้ศาลจำคุกและปรับเสมอ
นายแพทย์แท้จริง กล่าวอีกว่าทั้งนี้มูลนิธิเมาไม่ขับในฐานะองค์กรสาธารณประโยชน์ที่ทำการรณรงค์การบังคับใช้กฎหมายและรณรงค์ หยุดการเมาแล้วขับมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2539 จึงมีหนังสือมายังท่านผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงพระโขนง ขอให้ใช้ดุลพินิจลงโทษ นางสาวมนธ์สินี กีรติไกร ด้วยโทษสถานหนัก ตามบทบัญญัติกฎหมาย คือจำคุกไม่รอลงอาญา เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับผู้ที่คิดจะละเมิดกฎหมายเมาไม่ขับ เพื่อความปลอดภัยและลดปัจจัยเสี่ยงบนท้องถนน
ทางมูลนิธิเมาไม่ขับไม่มีเหตุโกรธเคืองอันใดกับนางสาวมนธ์สินี กีรติไกร เป็นการส่วนตัว การเรียกร้องครั้งนี้มูลนิธิเมาไม่ขับ ทำเพื่อประโยชน์ของสาธารณชน เพื่อปกป้องความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนและพิทักษ์ไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย
นอกจากนี้ทางมูลนิธิเมาไม่ขับยังทำหนังสือขอแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจรักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์และผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน พันตำรวจโท ดาราธร ขจรศิลป์ รองผู้กำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนมีสติในการจับกุมนางสาวมนธ์สินีกีรติไกร ผู้ต้องหาในคดีเมาแล้วขับ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 เวลา 00.30 น ท้องที่สถานีตำรวจภูธรประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร จนถูกผู้ต้องหากระทำการลบหลู่เกียรติความเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยการใช้เท้าถีบหน้า แต่พันตำรวจโท ดาราธร ขจรศิลป์ รองผู้กำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร ยังคงมีสติไม่ตอบโต้ปฏิบัติหน้าที่สมกับคำว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์