สมุทรปราการ-เจ้าของบริษัทไม่ทน..นั่งดื่มสุราหน้าโกดังถูกอีกฝ่ายยกพวกมาทำร้าย..ชักปืนยิงสวน เจ็บระนาว 4 ราย..!!
ภาพ-ข่าว:สุรศักดิ์ / อัญมณี คงสินธ์
เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 29 เมษายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว ได้รับแจ้งว่ามีเหตุทำร้ายร่างกายกันด้วยอาวุธปืน มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดบริเวณหน้าโกดังโรงงานแห่งหนึ่ง ภายในซอยกิ่งแก้ว 25/1 ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงรายงาน พ.ต.อ.อดิเรก ทองแกมแก้ว ผกก.สภ.บางแก้ว พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่บริเวณหน้าโกดังที่ 9 เจ้าหน้าที่ พบ นายรัชภูมิ ผิวผ่อง อายุ 31 ปี ถูกยิงเข้าที่ขาซ้าย และมีแผลแตกที่ศีรษะ เจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 ใกล้กันพบหัวกระสุนตกอยู่ที่พื้น และเศษขวดเบียร์แตกเต็มพื้นถนน ห่างออกไปไม่ไกล พบ นายบุญทัน สุภะดี อายุ 25 ปี มีแผลแตกที่ศีรษะ และขาวหัก ห่างออกไปอีก พบ นายอมรเทพ ใจธง อายุ 28 ปี ถูกยิงกระสุนถากศีรษะ ใกล้กันพบปลอกกระสุน จำนวน 2 ปลอก ขนาด 9 มม. และอีกรายทราบว่าหนีไปขอความช่วยเหลืออยู่ภายในซอยกิ่งแก้ว 21 ทราบชื่อ นายณรงค์ เขียวอ่อน อายุ 29 ปี มีแผลถูกยิงเข้าที่ขาซ้าย แผลแตกที่ศีรษะ และปากแตก เจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นทั้ง 3 ราย ก่อนนำส่งโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์
ส่วนผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อ นายเอก อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทตรงที่เกิดเหตุ ยื่นรอมอบตัวพร้อมให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ พร้อมอาวุธปืน เป็นปืน ยี่ห้อ ซีแซด แบบแม็กกาซีน ออโตเมติก สีดำ ที่ปลดกระสุนออกจากแม็กกาซีนแล้ว จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน ซึ่ง นายเอก ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือใช้อาวุธปืนกระบอกดังกล่าวยิงใส่ผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้ง 4 ราย เพื่อป้องกันตัว ห่างออกไป 3 โกงดัง พบรถจักรยานยนต์ของกลุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บ และขวดสุราจำนวน 3 ขวดถูกบางอยู่ที่พื้น
จากการสอบถาม นายอมรเทพ หนึ่งในผู้บาดเจ็บที่ถูกยิงกระสุนถากศีรษะแต่ยังพอให้การได้ บอกว่ากลุ่มตนเองนั่งดื่มที่หน้าโกดังอีกแห่งไม่ห่างกัน แล้วอีกฝ่ายตะโกนใส่เหมือนกับพูดจาดูถูกใส่กันพวกตนเองจึงพากันเดินมาหาเพื่อเคลียร์เรื่องดังกล่าวจนกระทั่งเกิดการชุลมุนและถูกยิงใส่จนบาดเจ็บ
ด้าน นายเอก ผู้ก่อเหตุ ให้การ ตนเองและลูกน้องรวมทั้งหมด 3 คน กำลังนั่งดื่มและเล่นหมากฮอตที่หน้าโกดังบริษัทของตนเอง ระหว่างนั้น ปรากฏว่ามีกลุ่มชายที่บาดเจ็บ ซึ่งตั้งวงสุรากันที่หน้าโกดังถัดออกไปจากโกดังของตนเองประมาณ 3 โกดัง อยู่ๆกลุ่มของผู้บาดเจ็บยกพวกเดินเข้ามารุมทำร้ายกลุ่มตนถึงหน้าโรงงานซึ่งมีทั้งขวดเบียร์ใช้เป็นอาวุธมาทำร้ายกลุ่มตน ตนเองเห็นท่าไม่ดีจึงไปหยิบปืนในรถมามายิงใส่ไปที่กลุ่มของผู้ก่อเหตุครั้งแรก 1 นัด โดยเลือกเป้าต่ำกว่าเอวเพื่อตั้งใจยับยั้งอีกฝ่ายไม่ให้เข้ามาทำร้ายร่างกาย แต่พอยิงนัดแรกไป อีกฝ่ายแตกกระจายออกและพยามเข้ามา ตนจึงหันไปยิงสามคนที่เหลืออีกคนละหนึ่งนัดรวมทั้งหมด4 นัด ส่วนที่ยิงแม่นนั้น ยอมรับว่าตนเองเคยซ้อมยิงปืนที่สนามฝึกยิงปืนมาบ่อย ยืนยันยิงเพื่อป้องกันตัวและไม่ได้เล็งเห็นหรือหมายเอาชีวิตของอีกฝ่ายแต่อย่างใด ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักรกันมาก่อนแต่อย่างใด รัวยิงใส่ไป 4 นัด เพื่อป้องกันตัวและทรัพย์สิน โดยไม่รู้ว่ากระสุนถูกใครบ้างจนอีกฝ่ายล้มกลางถนนบางส่วนวิ่งหนีไปท้ายซอย พอเหตุการณ์สงบจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและยืนรอมอบตัวพร้อมของกลางคืออาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ
ขณะที่ นายสุชาติ รุอิ อายุ 54 ปี หนึ่งในกลุ่มฝ่ายของทางเจ้าของโรงงานหรือฝ่ายที่ก่อเหตุ ให้การเบื้องต้นว่า ขณะที่กำลังนั่งดื่มกินกันรวม3คน อยู่กลุ่มผู้บาดเจ็บก็ยกพวกมารุมทำร้ายร่างกายโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ จึงเค้นสอบถามถึงสาเหตุที่แท้จริง จน นายสุชาติ ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ มีหนึ่งในผู้บาดเจ็บเคยขี่มาจอดถามตนเองว่ามองหน้าเขาทำไม ซึ่งตนเองก็ตอบกลับไปว่ามองหน้าจะได้รู้จักรหน้าตากันไว้ หลังจากนั้นก็ขี่ออกไป กระทั่งมาวันนี้ยกพวกมารุมทำร้ายทำให้เจ้าของโรงงานใช้ปืนยิงสวนกลับไป
ด้าน พ.ต.อ.อดิเรก ทองแกมแก้ว ผกก.สภ.บางแก้ว สั่งการระดมสายตรวจและฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่เกิดเหตุเพื่อเร่งสอบสวนหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นพร้อมปิดกั้นพื้นชั่วคราวเพื่อให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด โดยสั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งสอบปากคำผู้บาดเจ็บและพยานแวดล้อมรวมถึงผู้ก่อเหตุเพื่อหาข้อเท็จจริงโดยเร็ว แต่จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทกันระหว่างวงสุราสองวง ซึ่งในส่วนของ นายเอก เจ้าของโรงงานที่ใช้ปืนยิงใส่กลุ่มผู้บาดเจ็บไปนั้น เบื้องต้นคุมตัวสอบปากคำที่สภ.ก่อนจะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป ยืนยันให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
ด้าน พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เดินทางลงพื้นที่ด้วยตนเองพร้อมทั้งสั่งการให้เร่งคลี่คลายคดีนี้อย่างรวดเร็วและให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายผิดว่ากันไปตามผิดไม่มีเข้าข้างฝ่ายใด