ตราด-จับคาหนังคาเขา..!!หนุ่มใหญ่ขับแบ็คโฮตีป่าสงวนเตียนโล่ง..อ้างแค่รับจ้าง..ปิดปากเงียบไม่ยอมบอกชื่อนายทุน..!!
ภาพ-ข่าว: พูลศักดิ์ บุญลอย/ ศิวพงศ์ บุญลอย
บ่ายวันนี้ 4 ก.ค.67 ว่าที่ ร.ต.วรรณศักดิ์ สุวิรนิตย์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภอบ่อไร่ นายปฎิยุทธ บูรพัฒน์ ผอ.ศูนย์ป่าไม้จังหวัดตราดพร้อมด้วยนายจักรพันธุ์ กุมภะ หัวหน่วยรักษาป่าที่ ตร. 4 พร้อมเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.ด่านชุมพล เรือเอกเกรียงไกร เดชเสน หัวหน้าชุดทหารพรานด่านชุมพล และเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 116 บ่อไร่ นำกำลังพลเข้า จับกุมผู้บุกรุกป่าสงวน ดวยการใช้รถแบ็คโฮตีป่า ขณะเข้าทำการจับกุม คนขับรุแบ็คโฮ เป็นชายอายุประมาณ 40 ปีเศษ วิ่งหลบหนีเข้าป่า เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันไล่จับกุม และสามารถจับกุมตัวไว้ได้ ทราบชื่อว่า นายณรงค์ นามสมมติ อาย 45 ปี ( นายสมพร สีสิงห์ ) พร้อมรถแบ็คโฮสีฟ้า ติดโลโก้ ช.อาวุธ หลังจากนั้นจึงให้ขับรถแบ็คโฮคันดังกล่าว มาทำบันทึกการจับกุมที่สภ.ด่านชุมพล ระยะทางประมาณ 7 กม. ก่อนจะนำรถแบ็คโฮของกลางไปเก็บไว้ที่ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ตร.4 ด่านชุมพล และนำตัวนายณรงค์ มาสอบปากคำที่ สภ.ด่านชุมพล โดยมี ร.ต.อ.แสวง สวลักษณ์ ปฎิบัติหน้าที่ ร้อยเวร สภ.ด่านชุมพล
ว่าที่ ร.ต.วรรณศักดิ์ สุวิรนิตย์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภอบ่อไร่ บอกว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากวันที่ 27 มิย.67 ที่ผ่านมา หลังเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจยึดพื้นที่ป่าสงวนบ้านเขาน้อย ที่ถูกนายทุนมาตีป่าทำแปลงปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันจำนวน 86 ไร่ แต่ไม่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ จึงแค่ตรวจยึดพื้นที่ไว้ หลังจากนั้นก็มีการติดตามตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนที่ถูกบุกรุกเพิ่ม จนทราบว่ามีการนำรถแบ็คโฮเข้าไปตีป่า ในป่าสงวนบ้านเขาน้อยอีก เจ้าหนี้ท่ป่าไม้จึงนำกำลังเข้าทำการจับกุม โดยไม่มีการแจ้งหน่วยงานอื่นล่วงหน้าเพราะเกรงว่าข่าวจะรั่ว เหมือนการจับกุมครั้งที่ผ่านมา และเมื่อจับตัวคนร้ายได้แล้ว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้าทำการควบคุมตัวคนขับรถแบ็คโฮ และรถแบ็คโฮที่ใช้กระทำความผิดในครั้งนี้ จึงขอฝากให้ชาวบ้านช่วยเป็นหู เป็นตา ตรวจสอบการบุกรุกป่าสงวนให้ด้วยหาพบเห็นให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยด่วน
ขณะนายจักรพันธุ์ กุมภะ หัวหน่วยรักษาป่าที่ ตร. 4 เปิดเผยว่า เหตุการณ์รุกป่าสงวนบ้านเขาน้อย ยังไม่หมด เพราะพอถูกจับได้ก็จะหยุดบุกรุกระยะหนึ่ง เมือ่เห็นว่าเรื่องเงียบก็จะเข้าทำการบุกรุกต่อ เจ้าหน้าที่จึงต้องลาดตระเวน ตรวจสอบ ดูแล และหาจังหวะเข้าจับกุมผู้กระทำความผิดดังกล่าว ซึ่งในครั้งนี้คนขับรถแบ็คโฮ อ้างว่าไม่รู้ว่าเป็ฯเขตป่าสงวน แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อเพราะทิ้งรถแบ็คโฮวิ่งหนี แสดงว่าต้องรู้ว่ามีความผิด แต่ยังปิดปากเงียบ อ้างว่าแค่รับจ้างเท่านั้น ไม่รู้ว่าเจ้าของที่เป็นใคร ขณะรายงานข่าวเวลา22.45 น.ยังสอบปากคำคนขับรถแบ็คโฮไม่เสร็จ เพราะต้องเค้นเอาความจริงให้ได้ว่าใครคือเจ้าของที่ที่บุกรุกป่าสงวนในครั้งนี้ถึง 13 ไร่เศษดังกล่าว