ประจวบคีรีขันธ์-โจ๋วัย 20 หนีตาย..หลังพาแฟนไปทำงานภูเก็ตเจอ 7 วัยรุ่นถ่อยรุมทำร้าย แจ้งความ 2 เดือนคดีไม่คืบ..!!
ภาพ-ข่าว:พิสิษฐ์ รื่นเกษม
วันที่ 5 กรกฎาคม น.ส.สายฝน บุญเสถียร อายุ 44 ปี ชาวหมู่ 1 ต.ห้วยทราย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ พนักงานโรงแรมแห่งหนึ่งที่ จ.ภูเก็ต ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว จ.ประจวบคีรีขันธ์ กรณีนายอภิรักษ์ บางบัวงาม อายุ 20 ปี บุตรชายถูกคนร้าย 7 คน รุมทำร้ายอาการบาดเจ็บที่เคหะบ้านทอน ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 18 พฤษภาคม 2567 แต่ล่าสุดคดียังไม่คืบหน้า ร.ต.อ.ไกรสร บุญประสพ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ยังไม่ได้รับผลการชันสูตรอาการบาดเจ็บของบุตรชาย หลังเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลถลาง 3 วัน 2 คืน แพทย์ต้องเย็บบาดแผลที่ศรีษะ 22 เข็ม ทั้งนี้หลังจากทวงถามความคืบหน้าพนักงานสอบสวนแนะนำให้ไปติดตามผลการตรวจร่างกายที่ รพ.ถลาง
น.ส.สายฝน กล่าวว่า หลังเกิดเหตุมีคลิปภาพเหตุการณ์จากร้านค้าไปมอบให้พนักงานสอบสวน โดยเห็นบุคคลที่รุมทำร้ายชัดเจนทุกราย เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ นอกจากนั้นทราบว่ามีผู้ก่อเหตุ 2 รายได้รับบาดเจ็บในขณะที่รุมทำร้ายบุตรชาย โดยมีผลชันสูตรจากแพทย์แล้ว แต่น่าสงสัยว่าเหตุใดพนักงานสอบสวนยังไม่ได้ใบชันสูตรจากแพทย์เพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ
น.ส.สายฝน กล่าวอีกว่า บุตรชายเคยอยู่ภูเก็ตนานหลายกว่า 10 ปี แต่ต่อมากลับ จ.ประจวบฯเพื่อไปเรียน กศน.ให้ได้วุฒิ ม. 6 จากนั้นก่อนเกิดเหตุได้เดินทางไปทำงานที่ จ.ภูเก็ต พร้อมแฟนสาว โดยไปทำงานรับจ้างเป็นช่างไฟฟ้าได้ค่าจ้างเดือนละ 12,000 บาท โดยพักอาศัยกับแฟนสาวที่การเคหะฯบ้านทอน ส่วนตนพักในโรงแรมสถานที่ทำงาน กระทั่งทราบว่าลูกชายมีปัญหากับวัยรุ่นในพื้นที่ ซึ่งคาดว่าเป็นแรงงานรับจ้างจากจังหวัดอื่นที่ชอบใช้ความรุนแรงและอวดอ้างอิทธิพลเป็นขาใหญ่ หากบุตรชายไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคดีนี้ ก็จะร้องเรียนให้ถึงที่สุด และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถลาง ชี้แจงเหตุผลให้ประชาชนรับทราบว่าอะไรคือมาตรฐานความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทราบชื่อบุคคลที่ลงมือก่อเหตุทั้งหมด จากคลิปใกล้อาคารการเคหะ ซึ่งเดิมเจ้าของคลิปก็ยอมรับว่ากลัวอิทธิพลของวัยรุ่นที่ทำร้ายบุตรชาย แต่มอบคลิปให้เพราะเห็นบุตรชายถูกทำร้ายด้วยความป่าเถื่อน
นายอภิรักษ์ บางบัวงาม อายุ 20 ปี กล่าวว่า หลังออกจากโรงพยาบาลที่ จ.ภูเก็ต ญาติได้พากลับไปพักอาศัยที่หมู่ 1 ต.ห้วยทราย อ.เมือง จ.ประจวบฯโดยพักอาศัยอยู่กับยาย ตนกับแฟนสาวต้องหารายได้จากการรับจ้างทำพวงมาลัยขายในวันพระซึ่งมีรายได้ไม่มาก ไม่พอกินพอใช้ และยืนยันว่าจะไม่กลับไปทำงานที่ จ.ภูเก็ตอีก แม้ว่าจะไปอาศัยที่อำเภออื่นที่ไม่ใช่จุดเดิมที่ถูกรุมทำร้าย เนื่องจากห่วงเรื่องความปลอดภัย ทั้งที่ตนเข้าไปถามดีๆว่ามีอะไรกับแฟนหรือไม่ แต่มีปากเสียงกันเพราะบุคคลที่เข้าไปถามมีอาการมึนเมา ทำให้ถูกรุมทำร้ายจึงวิ่งหนีไปให้ถึงในจุดที่มีกล้องวงจรปิด
นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ระยะเวลาในการรุมทำร้าย 4-5 นาที มีทั้งขวดน้ำมัน ไม้ ก้อนอิฐ รุมตีโดยที่ตนไม่มีทางสู้ จากนั้นมีคนที่เห็นเหตุการณ์เข้ารับมาช่วยระงับเหตุ มีเจ้าของร้านค้าที่เห็นเหตุการณ์โทรเรียกรถพยาบาล เดิมคิดว่าคงไม่รอดชีวิต หากไม่มีคนเข้ามาห้าม ยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหากับบุคลกลุ่มนี้มาก่อน ยอมรับไม่ทราบมาก่อนว่าบุคคลที่เข้าไปถามเรื่องแฟนจะมีอาการมึนเมา แต่หลังจากออกจากโรงพยาบาลทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนมีคลิปเหตุการณ์จากหลายจุดที่ก่อเหตุ เพื่อนำไปประกอบในสำนวนการสอบสวน แต่ข้องใจว่าทำไมต้องรอผลการตรวจร่างกายนานเกิน 1 เดือน ยืนยันว่าต้องการให้คนร้ายแก๊งนี้ถูกดำเนินคดีให้เป็นตัวอย่าง เพื่อไม่ให้คนกลุ่มนี้ไปทำร้ายคนอื่นให้ได้รับความเดือดร้อนอีก