นครสวรรค์-ภาคทัณฑ์ ผอ.อนุบาล
ภาพ-ข่าว:ชาติชาย เกียรติพิริยะ
“ผลการสอบ ผอ.สมศักดิ์ รร.อนุบาลนครสวรรค์ จากเขตพื้นที่ ให้แค่ภาคทัณฑ์ ไม่มีทุจริต ราชการไม่เสียหาย”
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 1 มีคำสั่ง แจ้งผลการสอบสวน นายสมศักดิ์ ศิริวัฒน์พงษ์ ผอ.โรงเรียนอนุบาลนครสวรรค์ ที่มีผู้ร้องเรียน ผลปรากฏว่าสำนักงานเขตพื้นที่ฯ สั่งแค่ภาคทัณฑ์ เพราะไม่นำเงินเข้าเป็นรายได้สถานศึกษา แต่ไม่ทำให้ทางราชการเสียหาย และไม่มีการทุจริต
ทั้งนี้จากการร้องเรียนของผู้ปกครองโรงเรียนอนุบาลนครสวรรค์กลุ่มหนึ่ง ที่ร่วมกันกล่าวหาว่า “นายสมศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลนครสวรรค์ นำเงินที่ผู้ปกครองสนับสนุนห้องเรียนสองภาษา และ ห้องเรียนวิทย์-คณิต เป็นเงินจำนวน 8 ล้านบาท ไปเข้าบัญชีส่วนตัวและหอบเงินไปใช้เอง ร่วมกับคณะกรรมการสถานศึกษาในขณะนั้น”
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า เงินจำนวนนี้ มีการเปิดบัญชีไว้ที่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขามหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ชื่อบัญชี “เงินพัฒนาห้องเรียนสองภาษา และ เงินพัฒนาห้องเรียนวิทย์-คณิต” ทั้ง 2 บัญชีนี้เปิดไว้แล้ว โดยนายกสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนอนุบาลนครสวรรค์ ซึ่งเปิดมาตั้งแต่สมัยผู้อำนวยการคนเก่า ก่อนที่ นายสมศักดิ์ จะย้ายมาดำรงตำแหน่ง เมื่อ นายสมศักดิ์ ย้ายมา จึงมีการเปลี่ยนผู้มีอำนาจลงนามแทน ได้แก่ นายกสมาคมผู้ปกครองและครูฯ นายสมศักดิ์ฯ และรองผู้อำนวยการ
ซึ่งก่อนที่จะนำเงินออกมาใช้ จะมีเงินอยู่ใน 2 บัญชีประมาณ 8 ล้านบาท ยายสมศักดิ์ ได้มีการประชุมคณะครูและคณะกรรมการทั้ง 2 โครงการ โดยมีครูเป็นผู้เสนอจัดซื้อ จัดจ้าง มีครูเป็นผู้ตรวจรับทุกโครงการ ทั้งยังมีนายกสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนอนุบาลนครสวรรค์ เป็นตัวแทนผู้ปกครองเข้าร่วมประชุมด้วย จึงเห็นได้ว่า เงินดังกล่าวนำมาใช้ในเรื่องการเรียนการสอนของนักเรียน และเป็นค่าใช้จ่ายของครูต่างชาติ ซึ่งล้วนแต่เป็นประโยชน์แก่การศึกษา แก่นักเรียนทั้งสิ้น
สำหรับการร้องเรียนโดยกลุ่มบุคคลผู้ที่ไม่หวังดี ต้องการใส่ร้ายป้ายสี ปลุกปั่นผู้ปกครองให้เกลียดชังและเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่า นายสมศักดิ์ฯ หอบเงินไป 6 ล้านบ้าง 8 ล้านบ้าง 10 ล้านบ้าง และที่เลวร้ายที่สุด ยังมีการกล่าวหาว่ากรรมการสถานศึกษามีส่วนร่วมในการนำเงินนี้ไปใช้ด้วยกัน
“วันนี้ขอเรียนให้ผู้ปกครองนักเรียน และ ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ได้รับทราบผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และขอให้กลุ่มคนเหล่านี้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว เพราะเป็นกาจกระทำโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมอันดีงาม ไม่ละอายต่อบาป ไม่ยึดปฏิบัติในคำสอนของศาสนา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบุคคลเหล่านี้ จะได้กลับตัว กลับใจ คิดดี ทำดี พูดดี เพื่อให้บุญกุศลส่งให้ตนเอง ลูกหลานและครอบครัวประสบพบเจอแต่สิ่งที่ดี ๆ ต่อไป” นายมศักดิ์ และผู้แทนคณะกรรมการสถานศึกษา กล่าว