ปทุมธานี-ผู้การฯแถลงจับโจรขึ้นบ้านขโมยของพบประวัติติดคุกมา 24 ปีไม่เข็ด
ภาพ-ข่าว:ทีมข่าวจังหวัดปทุมธานี
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 3 ส.ค.67 พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.จ.ปทุมธานี พ.ต.อ.ณรงค์ เอี่ยมระหงส์ ผกก.สภ.ปากคลองรังสิต พ.ต.ท.ชัยรัตน์ แย้มวงศ์ รองผกก.สส.สภ.ปากคลองรังสิต พ.ต.ท.เนติ รุ่งฟ้าแสงอรุณ รองผกก.สอบสวนสภ.ปากคลองรังสิต พ.ต.ท.นิติธร ศุภชัยวรกุล สว.สส.สภ.ปากคลองรังสิต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสภ.ปากคลองรังสิต ได้ร่วมกันแถลงจับกุมนายเมธี เกตุทอง อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73/ 61 ซอยพหลโยธิน 54/1แยก2-2-2แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร พร้อมของกลาง รองเท้าผ้าใบ นาฬิกาข้อมือ ธนบัตรสะสม เหรียญสะสม โทรศัพท์มือถือ น้ำหอม และของกลางอีกหลายรายการ พร้อมด้วยรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่ามีโอสีแดง-ขาว หมายเลขทะเบียน 4ขณ8831 กรุงเทพมหานคร โดยจับกุมได้ที่บ้านพักย่านสายไหม กรุงเทพมหานคร
ด้านพล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.จ.ปทุมธานี กล่าวว่าวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสภ.ปากคลองรังสิตได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาลักทรัพย์ในเคหะสถานส่วนมากจะเป็นหมู่บ้านในเมืองเอก ซึ่งคนร้ายรายนี้ก่อเหตุมาแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม2567 ที่ผ่านมาซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนติดตามจากกล้องวงจรปิดก็พบว่าเป็นคนร้ายคนเดียวกันเข้ามาก่อเหตุหลายครั้ง ซึ่งบ้านหลังสุดท้ายของที่คนร้ายขโมยไปนั้นมูลค่ากว่า2ล้านบาท
จากนั้นจึงได้ขอหมายค้นศาลอาญา 758/2567บ้านเลขที่73/61ซอยพหลโยธิน 54/1 แยก 2-2-2 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบ้านของนายเมธี เกตุทอง อายุ 49 ปี(ผู้ต้องหา) เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปก็พบของกลางเป็นจำนวนมากจึงได้ตรวจยึดมาตรวจสอบ ซึ่งผู้ต้องหามีประวัติก่อเหตุลักทรัพย์มาแล้วตั้งแต่ปี 2548 พึ่งออกมาปี 2563 คงยังไม่เข็ดเมื่อออกจากคุกมาก็มาก่อเหตุซ้ำซึ่งผู้ต้องหาทำทีเป็นวิ่งออกกำลังกายในช่วงหัวค่ำเพื่อดูลาดเลาว่าบ้านหลังไหนปิดไฟบ้างจากนั้นก็ขับรถจักรยานยนต์ไปจอดแล้วเข้าไปงัดบ้านและขโมยทรัพย์สินออกมา ส่วนทรัพย์สินไหนคนร้ายจะเอาหมดทุกอย่าง และผู้ต้องหาก็ไปขโมยลักทรัพย์โซนสายไหม ดอนเมือง ด้วยซึ่งนิสัยแก้ไม่หาย
อยากฝากเตือนประชาชนว่าการล๊อคบ้านหรือป้องกันเหตุภายในบ้านก็ล๊อคให้แน่นหนา ติดกล้องวงจรเพิ่มเติมเป็นสิ่งสำคัญและต้องดูจุดอ่อนของบ้านว่าเข้าทางไหนง่ายที่สุด และแจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเคหะสะถานโดยทำลายเครื่องกีดขวางในเวลากลางคืน ส่วนมูลค่าความเสียหายทั้งหมดก็ประมาณ 250,000 บาท