ชลบุรี-สาวบาร์พัทยา ส่วนใหญ่ไม่คาดหวังเงินดิจิทัล รัฐบาล
ภาพ-ข่าว:นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี
สาวบาร์พัทยา ไม่คาดหวังกับเงินดิจิทัลรัฐบาลเพื่อไทย ซัดขั้นตอนเยอะยุ่งยาก ปล่อยให้รอเหมือนคนโดนหลอก
“ลิซ่า” นายก ส.ผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืนเมืองพัทยา หวังนายกคนใหม่ฟื้นฟู พัทยาให้เศรษฐกิจดียิ่งขึ้น จากที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 เสียง ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลง โดยนายเศรษฐา ต้องลงจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ในทันที และคณะรัฐมนตรีต้องพ้นสภาพทั้งชุด พร้อมต้องเลือกนายกฯ คนใหม่ และ ครม. ชุดใหม่ ยกชุด พร้อมกับนโยบายที่ได้มีการวางแผนไว้หรือดำเนินการ ก็ต้องหยุดชะงักลง ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ชาวบ้านที่ลงทะเบียนรับเงินดิจิทัลผ่านแอพพลิเคชั่นทางรัฐ หนึ่งนโยบายชูโรงของคณะรัฐบาลเพื่อไทย โดยพี่น้องประชาชนหลายคนก็เกิดความกังวลใจ และตั้งคำถามกันมากมายว่า สรุปแล้วจะได้จริงหรือไม่ และจะเป็นไปในทิศทางไหน
ล่าสุด เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 14 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังกลุ่มบาร์เบียร์ชายหาดพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อสอบถามความคิดเห็นกับคนทำงานกลางคืนถึงประเด็นเงินดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นทางรัฐไปกว่า 10 ล้านคน
โดยนักข่าวได้พูดคุยกับนางคณิศร บดีพงศ์ อายุ 52 ปี สาวบาร์เบียร์พัทยา เปิดเผยถึงความรู้สึกว่า หลังจากที่ทราบข่าวนายเศรษฐา ทวีสิน ถูกลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็รู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก ซึ่งขั้นตอนการลงทะเบียนรับเงินดิจิทัลยังคาอยู่ในลำดับที่ 3 ปล่อยเคว้งคว้างรู้สึกเหมือนโดนหลอก แตกต่างจากรัฐบาลก่อนหน้านี้ ที่มีการบริหารจัดการที่ดีกว่านี้มาก แต่เธอเองก็ยังคงตั้งความหวังกับเงินดิจิทัล เพื่อที่จะเอาไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเลี้ยงชีพให้อยู่รอดท่ามกลางเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง
ป้ามะลิ อายุ 47 ปี อาชีพเร่ขายลอตเตอรี่ หนึ่งในผู้ลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล บอกว่า เธอเองนั้นได้รับรู้ข่าวสารแล้ว โดยรู้สึกกังวลใน 2 เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่ตนเองได้ลงทะเบียนก่อนหน้านี้ ในอีกหนึ่งสิ่งที่กังวลก็เป็นในเรื่องของการได้รับผลกระทบในด้านเศรษฐกิจของเมืองพัทยา ที่จะส่งผลกระทบต่อการค้าขายของ ขณะที่ในส่วนของผู้นำคนใหม่ในดวงใจตัวนี้ก็ไม่ขอออกความคิดเห็นดังกล่าว แต่อันดับแรกที่ควรทำคือเร่งฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจทั่วประเทศ ให้กลับมาคึกคักเหมือนก่อน
ส่วนนางสายฝน บุตรหึงษ์ อายุ 55 ปี เจ้าของธุรกิจบาร์เบียร์แห่งหนึ่งในเมืองพัทยา เผยว่า เธอและสาวพนักงานทุกคนในร้าน ไม่เคยหวังกับโครงการเงินดิจิทัลเลย เพราะเนื่องจากกฏระเบียบข้อบังคับมากมาย อยู่รอดด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองทั้งนั้น ต้องยอมรับว่ารัฐบาลยุคนี้ไม่ดีเท่าที่ควร จากเดิมที่ขายของได้วันละหลักหมื่นบาท ซึ่งทุกวันนี้ขายได้หลักพันยังลำบาก และตอนนี้รู้สึกดีใจที่เปลี่ยนคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาบริหาร พร้อมฝากคณะบริหารชุดใหม่ เร่งแก้ไขปัญหาปากท้อง และกระตุ้นการท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งเรื่องต่างด้าวแย่งอาชีพคนไทย การใช้ความรุนแรง เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี
ทางด้าน นางลิซ่า แฮมิลตัน นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืนเมืองพัทยา มีการเปิดอีกด้วยว่า ตอนทราบข่าวก็รู้สึกตกใจที่กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง โดยในฐานะของผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืน ก็คิดว่าในช่วงวาระของนายกคนที่ผ่านมา ที่เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงถอดถอน ก็ได้กระทบไปถึงภาวะเศรษฐกิจในพื้นที่เมืองพัทยาเพราะว่าในปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างชาติก็เลยมีจำนวนที่น้อยลงอย่างชัดเจน ส่วนในเรื่องของการที่จะแต่งตั้งนายกฯคนใหม่ ทางตัวเองก็ได้มีการเปิดเผยว่าถ้าหากมีนายกคนใหม่ก็คงอาจจะมีนโยบายใหม่ๆ ที่ต่างไปจากคนเดิมและคาดว่าอาจจะทำให้เศรษฐกิจในเมืองพัทยาดีขึ้น
สุดท้าย เรื่องนโยบายเก่าของนายกคนที่เพิ่งถูกถอดถอนไปอย่างนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ในฐานะของคนประกอบธุรกิจกลางคืนก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมากเท่าไรนักเพราะส่วนใหญ่ คนที่มาอาศัย ประกอบกิจการ อยู่ในเมืองพัทยาส่วนใหญ่ ก็เป็นคนต่างจังหวัด โดยมองว่าถ้ามีเงื่อนไขในการใช้เงินดิจิทัลที่ต้องกลับไปใช้ในเขตบ้านเกิดก็แทบจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเท่าไหร่เลย โดยอยากฝากความหวังถึงนายกคนใหม่ที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นใคร ให้ส่งเสริมการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาให้ดีกว่าเดิม