ประจวบคีรีขันธ์-มือมืดฉกพระบรมสารีริกธาตุยอดเขาล้อมหมวกหาย

ประจวบคีรีขันธ์-มือมืดฉกพระบรมสารีริกธาตุยอดเขาล้อมหมวกหาย

ภาพ/ข่าว:เอกภพ วงษ์ประเสริฐ

          ประธานกลุ่มเพ็ญพุทธประจวบฯเตือนให้เอามาคืนจะได้อานิสงส์บุญใหญ่กว่าเก็บไว้เอง จะร้ายกว่าดี

       พระบรมสารีริกธาตุคู่พระบาทเบื้องซ้ายยอดเขาล้อมหมวกถูมือมืดฉกหายลอยนวล ประธานกลุ่มเป็นพุทธประจวบเตือนให้เอามาคืน ผู้ครอบครองไว้จะเกิดผลร้ายมากกว่าดี เนื่องจากเป็นที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทวดาแวะเวียนมากราบสักการะ
           วันที่ 17 สิงหาคม 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เขาล้อมหมวกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดประจวบ ซึ่งตั้งอยู่ภายในสถานที่เขตรับผิดชอบของทหารอากาศกองบิน 5 โดยจะมีการจัดกิจกรรมเปิดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป ท้าทายพิสูจน์ความสามารถตนเองพิชิตยอดภูเขาด้วยการปีนไปจนถึงจุดบนสุดของยอดเขา ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 902 ฟุต ในช่วงที่มีเทศกาลวันหยุดยาวติดต่อกันตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป
        โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ร่วมกิจกรรมพิชิตยอดเขาล้อมหมวก เมื่อไปถึงจุดสูงสุดบนยอดเขาแล้วนอกจากจะเที่ยวชมถ่ายภาพทัศนียภาพมุมสูงบนยอดเขาซึ่งเห็นท้องทะเล และชุมชนต่างๆของอำเภอเมืองประจวบแบบ 360 องศาแล้ว ยังได้ไปกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และรอยพระพุทธบาทจำลองเบื้องซ้ายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ประดิษฐานไว้ในมณฑปที่ตั้งอยู่บนยอดเขาเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย

         จากกรณีดังกล่าวเมื่อนักท่องเที่ยวที่ได้ไปกราบสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคลแล้วต่างมีคำถามตั้งข้อสงสัยว่าโกฐแก้วที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุทำไมฝาปิดจึงถูกเปิดออก และภายในโกฐนั้นยังมีพระบรมสารีริกธาตุอยู่ หรือไม่ มันหายไปไหน ใครเป็นคนเอาไป

            จากข้อมูลประวัติที่ทางกองบิน 5 ได้เก็บรวบรวมเป็นหลักฐานเอาไว้ โดยกองบิน 5 พบรอยพระพุทธบาทนี้ เมื่อปี พ.ศ.2532 ในสมัย นาวาอากาศเอก สันทัด วงษ์ทิพย์ เป็นผู้บังคับการกองบิน 5 เป็นการค้นพบโดยบังเอิญขณะอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นไปประดิษฐานบนยอดเขาเมื่ออัญเชิญพระพุทธรูปถึงยอดเขาได้หาก้อนหินในบริเวณนั้นเพื่อรองเป็นฐานพระพุทธรูป พบว่าเมื่อเรียงก้อนหินห้าก้อนต่อกันมองเห็นเป็นรอยพระพุทธบาทเบื้องซ้าย ซึ่งจากการตรวจสอบของกรมศิลปากร พบว่ารอยพระพุทธบาทนี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 และเมื่อ พ.ศ.2541 พลอากาศเอก ธีร์ศิลป์ คัมภีรญาณนนท์ ผู้บัญชาการกองบัญชาการยุทธทางอากาศ ได้มีจิตศรัทธาสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทไว้พร้อมกับได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธรูปสำคัญประดิษฐานไว้ให้เป็นที่เคารพสักการะบูชาสืบมาถึงปัจจุบัน
          นายปทาน พูลสวัสดิ์ ประธานกลุ่มเพ็ญพุทธประจวบฯ ผู้ศึกษาและเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เปิดเผยว่า พระบรมสารีริกธาตุ หรือ พระบรมธาตุ ซึ่งเป็นอัฐิหรือกระดูกของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่าเมื่อดับขันธ์ปรินิพพานให้อัฐิกระจายเป็นก้อนเล็กก้อนน้อย และกระจายไปทั่วโลก เพื่อให้สรรพสัตว์ได้สักการะบูชา และเมื่อผู้ใดได้สักการะบูชาก็จะพ้นทุกข์ได้ไปขึ้นสวรรค์ เพราะฉะนั้นพระบรมสารีริกธาตุเลยถูกกระจายไปอยู่ทั่วโลก ซึ่งสถานที่แห่งใดที่มีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่ สถานที่แห่งนั้นจะมีเทพเทวดาเวียนกันมาสักการะ และมนุษย์ที่ไปกราบสักการะก็จะได้รับอานิสงส์ไปเกิดเป็นเทวดา

           โดยพระบรมสารีริกธาตุเป็นสิ่งที่มนุษย์และเทวดาจะต้องมากราบสักการะบูชา ซึ่งยิ่งถ้ามีหน่วยงานสร้างมณฑปเก็บพระบรมสารีริกธาตุไว้ในสถานที่สำคัญ ซึ่งที่มีทั้งมนุษย์ เทพ และเทวดามาสักการะกราบไหว้ และหากถ้ามีใครเอาพระบรมสารีริกธาตุไปครอบครองไว้เองคนเดียว หรือเอาไปบูชาที่บ้านหากบูชาไม่ดี บารมีไม่ถึง ก็จะเกิดโทษ เกิดผลเสียมากกว่าผลดี เมื่อพูดถึงตามกฎแห่งกรรมจึงขอแนะนำให้ผู้ที่เอาไปนำกลับมาคืน เนื่องจากสถานที่แห่งนี้มีเทพและเทวดาสถิตอยู่เยอะ และแวะเวียนกันมากราบไหว้ เชื่อว่าจะได้อานิสงส์ใหญ่มากกว่านำไปครอบครองไว้เองแล้วเกิดผลเสียกับชีวิต เกิดโทษ เกิดภัยกับตัวเอง ประธานกลุ่มเพ็ญพุทธ กล่าว

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!