สมุทรปราการ-จยย.เสียหลักพุ่งชนราวสะพาน..เสียชีวิต..!!
ภาพ-ข่าว:สุรศักดิ์ / อัญมณี คงสินธ์
“หลอน..!!” สาวนั่งอยู่บนรถรอแฟนที่ลงไปดูอุบัติเหตุ มีเสียงเคาะกระจก พอหันไปก็ไม่เจอใคร
เมื่อเวลา 00.05 น.วันที่ 30 สิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บาง เสาธง จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เสียหลักชนราวสะพาน มีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดบนสะพานข้ามคลองปากกะพัง ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย แพทย์เวร และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุเป็นถนนเลนสวน มีฝนตก ถนนเปียก และที่บริเวณริมฟุต บาธมีดินโคลน ที่บนฟุตบาทบริเวณกลางสะพาน พบร่างนายเอกณรงค์ นิโรจน์ อายุ 31 ปี นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่บนฟุตบาทตรงราวสะพาน มีแผลฉกรรจ์ที่ใบหน้า และมีแผลถลอกตามร่างกาย ที่เสาราวสะพานพบเส้นผมติดอยู่ ใกล้กันบริเวณขอบสะพาน มีรอยล้อรถไถลไปทางฟุตบาท ห่างออกไปประมาณ 10 กว่าเมตร บริเวณปลายสะพาน พบรถจักร ยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า คลิก สีแดง-ดำ ทะเบียน สพฉ 849 กรุงเทพมหานคร ล้มขวางถนนอยู่เลนนึง สภาพได้รับความเสียหายเล็กน้อย
จากการสอบถาม นาย ชัยสิทธิ์ สุขสำราญ ผู้ที่มาพบ เล่าว่า ตนพึ่งออกมาจากออฟฟิต กำลังจะไปรับพัสดุที่คลังบัวโรย พอมาถึงบริเวณสะพานตนเห็นรถล้มขวางถนน จึงจอดรถมองหาคนขี่ แต่ก็ไม่เจอ แฟนตนก็กลัวเพราะเห็นรถอย่างเดียวแต่ไม่เห็นคน ตนจึงลงมาหาโดยให้แฟนนั่งอยู่บนรถและล็อกประตูเอาไว้ ตนก็เดินมาเจอคนตายนอนคว่ำหน้าแน่นิ่งอยู่บริเวณราวสะพาน ตนก็เลยเดินดูรอบ ๆ เพื่อเจอคนอีก พร้อมโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
น.ส.สุทธิตา เพชรน้อย แฟนสาวของ นายชัยสิทธิ์ เล่าว่า ตนนั่งรถมากับแฟน แล้วแฟนตนเห็นรถล้มอยู่ตรงกลางถนน จึงจอดรถแล้วลงไปดู แต่ตนไม่กล้าลงจึงนั่งอยู่ในรถ โดยแฟนตนบอกให้ตนล็อกรถ เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตราย เนื่องจากตรงที่เกิดเหตุค่อนข้างเปลี่ยว พอแฟนตนลงไปดูก็เจอคนนอนอยู่แล้วก็รีบโทรแจ้งตำรวจ
ทีนี้มีพี่อีกคันนึงเขาก็มาจอดลงมาดูเหมือนกันแล้วก็ช่วยกันโทรแจ้งมูลนิธิและตำรวจ พอเริ่มมีคนมาที่เกิดเหตุตนจึงลงมาดู พอคนเริ่มมาเยอะตนจึงเดินกลับมานั่งในรถ แล้วพอสักพักนึง มีคนมาเคาะกระจก แต่พอหันไปก็ไม่เห็นใคร ทีแรกตนก็นึกว่าแฟนแกล้งแต่แฟนตนยื่นอยู่ข้างหน้าแต่เสียงเคาะกระจกมาจากด้านข้าง ตนก็รู้สึกตกใจ จึงรีบออกมาจากรถวิ่งมาหาแฟนตน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพ และลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะมอบร่างผู้เสียชีวิตให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวช เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป