“หมอแท้จริง”ขอ”อุ๊งอิ๊ง”ตามรอยพ่อทักษิณผลักนโยบายลดโศกนาฏกรรมบนท้องถนน

“หมอแท้จริง”ขอ”อุ๊งอิ๊ง”ตามรอยพ่อทักษิณผลักนโยบายลดโศกนาฏกรรมบนท้องถนน

ภาพ-ข่าว:บ.ก.อรกัญญา หลิมสัมพันธ์

           วันนี้ ( 20 กันยายน 2567 ) นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ พร้อมด้วยแกนนำเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับได้เดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลยื่นหนังสือให้กับนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ทั้งนี้เนื้องหาในหนังสือระบุว่า “มูลนิธิเมาไม่ขับในฐานะองค์กรสาธารณประโยชน์ที่ทำงานรณรงค์และสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน จึงมีหนังสือมายังท่านนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้พิจารณากำหนดการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อช่วยลดโศกนาฏกรรมบนท้องถนนไว้ในคำแถลงนโยบายของรัฐต่อรัฐสภาก่อนที่ท่านนายกรัฐมนตรีจะเข้าบริการประเทศ

             ทั้งนี้เนื่องจากสถานการณ์ความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยอยู่ในขั้นวิกฤตจนกลายเป็นโศกนาฏกรรมบนท้องถนนที่คนไทยต้องเผชิญ โดยในแต่ละวันจะมีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเฉลี่ยวันละ 40 คน ย้อนหลังไป 10 ปี

           ( 2556-2566 ) คนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนประมาณ 200,000 คนเท่ากับประชากรในจังหวัดเล็ก ๆ แห่งหนึ่งสูญหายไปหมดทั้งจังหวัด สำคัญที่สุดคนที่เสียชีวิต ส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงานอายุเฉลี่ย 15-35 ปี ซี่งเป็นวัยที่เป็นกำลังสำคัญของชาติในการสร้างงาน สร้างเศรษฐกิจ เพื่อให้ประเทสเติบโตทัดเทียมนานาอารยประเทศ

            ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญและมีนโยบายที่เป็นรูปธรรมจริงจังในการลดอุบัติเหตุทางถนน ต่างกับสมัยดอกเตอร์ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในยุคนั้น มีการกำหนดนโยบายลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนเป้นรูปธรรมที่ชัดเจนนำไปสู่การปฏิบัติ รัฐบาลที่ผ่าน ๆ มาคงดำเนินนโยบายหมือน ๆ เดิมที่เคยปฏิบัติมาไม่มีการกำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด เพื่อนำไปสู่การลดการเสียชีวิตของคนไทยบนท้องถนน โศกนาฏกรรมบนท้องถนนในประเทศไทยจึงเป็นเรื่องน่าเศร้าที่คนไทยต้องเผชิญชะตากรรมอยู่ทุก ๆ วันกับพฤติกรรมของผู้ใช้รถใช้ถนนโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผผู้อื่น ซึ่งการจัดการปัญหาผู้กระทำผิดกฎหมายบนท้องถนน ประชาชนจะถือว่าเป็นหน้าที่โดยตรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

            แต่ปัจจุบันประชาชนในฐานะเจ้าของประเทศ ฐานะผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการปัญหาดังกล่าวร่วมกับรัฐบาลในฐานะอาสาตาจราจร ประกอบด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยได้เข้ามามีส่วนช่วยในการเฝ้าจับตาผู้กระทำความผิดบนท้องถนน อาทิเช่น กล้องหน้ารถ กล้องจากโทรศัพท์มือถือ กล้อง CCTV  โดรนเคลื่อนที่ ฯลฯ ส่งผลให้ผู้กระทำความผิด แม้จะรอดจากบทลงโทษทางกฎหมาย แต่การลงโทษทางสังคม Social sanction) มีบทลงโทษที่รุนแรงกว่า

            มูลนิธิเมาไม่ขับจึงมีหนังสือมายังท่านนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้กำหนดนโยบายการมีส่วนร่วมของประชานเพื่อช่วยดลโศกนาฏกรรมบนท้องถนน ดังนี้ ขอให้รัฐบาลกำหนดนโยบายการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อช่วยลดโศกนาฏกรรมบนท้องถนน เป็นนโยบายสำคัญ ที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการ โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมทั้งทางตรง ทางอ้อม และรัฐบาลพร้อมจะให้การสนับสนุนเพื่อหยุดยั้งโศกนาฏกรรมบนท้องถนนในประเทศไทย

           มูลนิธิเมาไม่ขับหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อเสนอของมูลนิธิเมาไม่ขับจะได้รับการพิจารณาจากท่านนายกรัฐมนตรี กำหนดนโยบายแถลงต่อรัฐสภา โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการให้ประชาชนในฐานะเจ่ของประเทศได้เข้ามามีส่วนร่วมในการหยุดยั้งโศกนาฏกรรมบนท้องถนน เพื่ออนาคตของลูกหลานไทยสืบไป

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!