อำนาจเจริญ-ผู้ว่าฯลงลุยน้ำสอบแนวเขตหลังมีชาวบ้านร้องนายทุนใหญ่รุกป่า บุ่งป่าทาม ห้วยนกกด กว่า 200ไร่
ภาพ-ข่าว:ทิพกร หวานอ่อน
ชาวบ้านร้องมีนายทุนใหญ่กว้านซื้อที่ป่าบุ่งป่าทาม ห้วยนกกดติดลำน้ำเซบายและลำน้ำสาขาคือห้วยนกกด ก่อนจะนำรถไถปรับสภาพให้กลายเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ทำลายผืนป่าเดิมทำลายแหล่งอาหารของสัตว์น้อยใหญ่ ทั้งสัตว์น้ำ สัตว์บก และแหล่งอาหารเดิมของชาวบ้าน ด้านผู้ว่าฯหลังทราบเรื่องรุดตรวจสอบ พาทีมเดินลุยน้ำสูงถึงเอวเพื่อตรวจสอบแนวเขตกับทีมงาน
วันที่ 24 ก.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีชาวบ้าน บ้านคำน้อย หมู่ที่ 2 ต.สร้างถ่อน้อย อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ ร่วมกันยื่นหนังสือร้องเรียนมายังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ เนื่องจากว่า มีนายทุนใหญ่ได้มากว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้าน ซึ่งที่ดินบริเวณดังกล่าวนั้นมีสภาพเป็นป่าบุ่งป่าทาม ห้วยนกกด มีแนวเขตติดกับล้ำน้ำเซบาย ซึ่งเป็นลำน้ำขนาดใหญ่ที่กั้นแนวเขตระหว่างจังหวัดอำนาจเจริญกับจังหวัดยโสธร โดยชาวบ้านร้องเรียนว่า นายทุนได้นำรถไถขนาดใหญ่ไปปรับสภาพพื้นที่จากป่าบุ่งป่าทาม ให้กลายเป็นพื้นที่เกษตรกรรม มีการตัดต้นไม้พื้นถิ่นเดิม ออกจนหมด ทำให้กุ้ง หอย ปู ปลา ไม่มีที่วางไข่ พืชพันธุ์ธัญญาหารที่เคยอุดมสมบูรณ์หายไป จึงได้ร้องไปยังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหัวตะพาน ตั้งแต่ปี 2563 ปี 2564 แต่เรื่องก็เงียบไป
ล่าสุดชาวบ้านได้ร้องมายัง ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ และร้องกับ สส.สุขสมรวย วันทนียกุล สส.เขต 1 จ.อำนาจเจริญ พรรคภูมิใจไทย จากนั้นเมื่อช่วงสายของวันนี้ 24 ก.ย.67 ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ พร้อมด้วย นายประหยัด คูณมี นายอำเภอหัวตะพาน, นายณรงค์ เมยไธสง เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอำนาจเจริญ, นายพิทักษ์ วรรณศิริพิพัฒน์ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด สาขาหัวตะพาน ,ปลัดอำเภอ,ช่างรังวัด,ตำรวจ,ฝ่ายปกครอง,ผู้นำชุมชนและชาวบ้านพร้อมสื่อมวลชนลงในพื้นที่ ร่วมกันเดินสำรวจแนวเขต
ตามที่นายทุนได้นำเอกสารสิทธิ์ นส.3 มาอ้างต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงระดับอำเภอ ว่ามีเอกสารสิทธิ์ นส.3 ในการครอบครอง พื้นที่ดังกล่าวสามารถทำประโยชน์ได้ ผู้ว่าฯจึงได้นำคณะลุยตรวจสอบ โดยจุดแรกที่ไป พบว่าพื้นที่ ที่ทางนายทุนอ้างสิทธิ์ ปัจจุบันถูกน้ำท่วมเนื่องจากมีแนวเขตด้านหลังติดกับลำน้ำเซบาย รวมทั้งลำห้วยสาขาคือ ห้วยนกกด ซึ่งในทุกปีบริเวณดังกล่าวจะมีน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่เป็นประจำและในบางจุดของแนวเขตที่นายทุนอ้างสิทธิ์นั้นถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1.5 เมตร
ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบแนวเขตตามที่นายทุนอ้างสิทธิ์นั้น พบว่า บางจุดอยู่ติดกับลำน้ำลำเซบายมาก บางจุดชิดกับคันดินของลำเซบาย หากมีเอกสารสิทธิ์ตามที่นายทุนกล่าวอ้างจริง ก็คงจะต้องมีการตรวจสอบแนวเขตกันใหม่ เพราะหากปล่อยให้นายทุนทำประโยชน์ติดกับลำน้ำมากเกินไป อนาคตอาจจะเกิดปัญญาน้ำท่วมในพื้นที่ด้านหน้าก็เป็นได้ ทั้งนี้ได้สั่งการให้ที่ดิน ดำเนินการตรวจสอบแนวเขตอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง หลังน้ำลดลง รวมทั้งการบุกรุกพื้นที่ลำห้วยนกกดซี่งเป็นสาขาของลำเซบาย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ย่านที่พิพาท เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้าน
ด้านนายประพจน์ ตรีทอง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 13 ต.สร้างถ่อน้อย อ.หัวตะพาน เผยว่า พื้นที่บริเวณนี้เดิมเป็นป่าบุ่งป่าทาม เป็นพื้นที่แหล่งอาหารของสัตว์น้ำนานาชนิด เป็นแหล่งอาหารของชาวบ้านในพื้นที่ ตั้งแต่ที่ตนเองยังเป็นเด็ก ชาวบ้านทุกครอบครัวจะมาให้ประโยชน์จากพื้นที่แห่งนี้ร่วมกัน ก็ไม่เคยรู้ว่ามีเจ้าของ เพราะเป็นพื้นที่ ที่ไม่สามารถทำการเกษตรได้เนื่องจากในฤดูน้ำหลากน้ำจะเอ่อเข้าท่วม ทำให้สัตว์น้ำขนาดเล็กเข้ามาวางไข่ ให้ชาวบ้านได้จับกินเป็นอาหาร หลังน้ำลดพืชพันธุ์ธัญญาหาร ก็จะอุดมสมบูรณ์ให้ชาวบ้านได้เก็บไปกิน แต่หลังๆมาๆกลับมีนายทุนมาเป็นเจ้าของพร้อมกับอ้างเอกสารสิทธิ์ นส.3 แล้วก็นำรถไถมาปรับพื้นที่จนเปลี่ยนสภาพไปหมด ตนเองและชาวบ้านบ้านคำน้อย ต.สร้างถ่อน้อย ได้สัญญาร่วมกันว่าจะทวงคืนป่าทามแห่งนี้ให้เป็นสาธารณะประโยชน์แก่ลูกหลาน ให้จนได้ เพื่อให้ลูกหลานได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน เช่นเดียวกันกับ นายประดิษฐ์ รักษาศรี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 บ้านคำน้อย และชาวบ้านที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจะทวงคืนผืนป่าแห่งนี้ให้จนได้
ขณะที่ นายประหยัด คูณมี นายอำเภอหัวตะพาน กล่าวต่อว่า หลังจากที่ชาวบ้านได้ร้องเรียน เมื่อปี 2563 นั้น นายอำเภอท่านก่อนก็ได้สั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว โดยได้ร่วมกันกับ ที่ดินจังหวัดอำนาจเจริญ องค์การบริหารส่วนตำบลสร้างถ่อน้อย ผู้นำชุมในพื้นที่ เบื้องต้น คณะกรรมการได้ข้อสรุปว่า จะให้ที่ดินจังหวัดอำนาจเจริญ เดินสำรวจแนวเขตใหม่และจะสำรวจเพื่อกั้นแนวเขต นสล.ในบริเวณป่าบุ่งป่าทามและห้วยนกกด เพื่อให้เป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน แต่เนื่องจาก พื้นที่มีจำนวนกว่า 500 ไร่ ทำให้การเดินสำรวจนั้นต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก แต่ทางองค์การบริหารส่วนตำบลสร้างถ่อน้อย ไม่มีงบประมาณเพียงพอ จึงได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากทางจังหวัด
ซึ่งล่าสุดทราบว่า ได้รับการสนับสนุนงบประมาณมาแล้ว คาดว่าจะสามารถเดินสำรวจได้ในปีนี้ แต่คงต้องรอให้น้ำลดก่อนเพราะพื้นที่ดังกล่าวได้ถูกน้ำท่วม จึงกราบขออภัยชาวบ้านที่อาจจะล่าช้าไปบ้าง แต่ยืนยันว่าทางส่วนราชการไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใดหากมีการบุกรุกจริงหรือออกใบ นส.3 ไม่ถูกต้องก็สามารถเพิกถอน สน.3ได้เช่นกันชึ่งจะต้องให้เวลาในการตรวจสอบอย่างละเอียดและถูกต้องอีกต่อไป
ทั้งนี้ ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ กล่าวต่ออีกว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้ทางอำเภอสรุปผลการสอบข้อเท็จจริงส่งจังหวัดภายในสัปดาห์นี้ และหากผลสอบพบว่ามีการรุกล้ำพื้นที่สาธารณะจริงก็จะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ยืนยันว่าหากรุกล้ำจริงสามารถเอาคืนมาเป็นที่สาธารณะได้อย่างแน่นอน ขอให้ชาวบ้านทุกคนสบายใจได้