เพชรบุรี-“อดีตมือปราบหน้าหยก”นำทีมฟ้องผู้สมัคร สว.ที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง

เพชรบุรี-“อดีตมือปราบหน้าหยก”นำทีมฟ้องผู้สมัคร สว.ที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง

ภาพ-ข่าว:สุรพล นาคนคร

“ฟ้องศาลดำเนินคดี 14 ราย ร้อง กกต.สืบสวนความผิด 20 ราย”

            หลังจากเมื่อวันอังคารที่ 30 กรกฎาคม กลุ่มอดีตผู้สมัคร สว. จังหวัดเพชรบุรี นำโดย พล.ต.ต. บัญญัติ เพียรสวัสดิ์ “มือปราบหน้าหยก” อดีตผู้ทรงคุณวุฒิตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเคยดำรงตำแหน่ง รอง ผบก.ภ. จว.เพชรบุรี พร้อมนายกฤษณ์ ขำทวี กรรมการและเลขานุการมูลนิธิ เครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น และอดีตผู้สมัคร สว.อีกจำนวนหนึ่ง ได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานี ตำรวจภูธรอำเภอเมืองเพชรบุรี ให้ดำเนินคดีกับผู้สมัครที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งไปแล้วนั้น
           ต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ตุลาคม กลุ่มอดีตผู้สมัคร สว.นำโดย พล.ต.ต.บัญญัติ เพียรสวัสดิ์ และนายเจิดศักดิ์ เนตรเกื้อกูล ซึ่งเป็นหนึ่งในอดีตผู้สมัคร สว. ถือเป็นผู้เสียหายตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561เดินทางมาที่ศาลจังหวัดเพชรบุรี โดยนายเจิดศักดิ์ ได้เป็นโจทก์แต่งตั้ง นายกฤษณ์ ขำทวี เป็นทนายความยื่นฟ้องผู้กระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้งรวมจำนวน 14 ราย

             นายเจิดศักดิ์ เปิดเผยว่า ตนเห็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรม ในการจัดการเลือก สว.เพชรบุรี ซึ่งทุกคนก็รู้อยู่เต็มอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่มีผู้รับผิดชอบมาจัดการตามหน้าที่ เมื่อพล.ต.ต.บัญญัติ และกลุ่มอดีตผู้สมัคร สว.มีความตั้งใจที่จะทำความจริงและความถูกต้องให้ปรากฏ ตนจึงช่วยทำในสิ่งที่ตนทำได้ โดยนำเรื่องดังกล่าวให้สู่กระบวนการยุติธรรมด้วยมือของประชาชน ทั้งนี้ยืนยันไม่มีเจตนาที่จะกลั่นแกล้งใคร
               ด้านนายกฤษณ์ กล่าวว่า ได้รับอำนาจจากนายเจิดศักดิ์ยื่นฟ้องผู้ทำผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่า ด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14(25) และมาตรา 74 ซึ่งเป็นเรื่องที่กฎหมายห้ามไม่ให้สามี ภรรยา บุพการี ผู้สืบสันดาน สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาในคราวเดียวกัน ซึ่งคนเหล่านั้นรู้อยู่เต็มอกแล้วว่าเป็นผัวเมีย พ่อ แม่ ลูก จูงมือกันสมัครรับเลือก สว.เพื่อให้มีโอกาสเข้าไปใช้สิทธิเลือกลงคะแนนโหวต อันเป็นฐานรากของการเลือกที่ไม่ สุจริตและเที่ยงธรรม เปรียบเสมือนคนเปิดบัญชีม้าให้แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเดือดร้อนเสียหายให้กับผู้คนจำนวนมาก ส่วนการที่มีชาวบ้านยอมตนเป็นเครื่องมือทำผิดกฎหมายเพื่อให้มีการเลือก สว. เป็นไปโดยไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรม การเข้าสู่อำนาจที่มีบทบาทสำคัญในประเทศด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงว่าอาจได้คนไม่ซื่อตรงไปทำหน้าที่ตัดสินใจเรื่องปัญหาต่างๆ ของชาติ ซึ่งคนเหล่านั้นจะทำอย่างตรงไปตรงมาได้อย่างไร

            ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.บัญญัติ เดินทางไปที่ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเพชรบุรี ยื่นเอกสารเพื่อเป็นข้อมูลให้ กกต.ดำเนินการสืบสวนเอาผิด ผู้ที่ต้องสงสัยว่ารู้อยู่แล้วว่าตนเองขาดคุณสมบัติ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2551 แต่ยังมาลงรับสมัครทำให้เกิดความเสียหาย

              พล.ต.ต.บัญญัติ เปิดเผยว่า วันนี้ตนนำรายชื่อผู้สมัคร สว. ในกลุ่ม 4 (การสาธารณสุข) จำนวน 20 ราย ซึ่งสงสัยว่าขาดคุณสมบัติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2551 มาตรา 13(3) คือต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์หรือทำงานในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่าสิบปี เพื่อให้ กกต. ตรวจสอบจากสาธรณสุขจังหวัด เนื่องจากผู้สมัครจำนวนนี้ได้อ้างความเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ซึ่งคนที่มีคุณสมบัติดังกล่าวกระทรวงสาธารณสุขได้วางระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำ หมู่บ้าน พ.ศ. 2554 ซึ่งต้องมีการผ่านการอบรมหลักสูตรฝึกอบรมมาตรฐานอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านที่ คณะกรรมการกลางกำหนด แต่ปรากฏว่าในการรับสมัคร กกต. ระดับอำเภอตรวจดูเฉพาะใบรับรองคุณสมบัติที่ผู้สมัครให้ ใครก็ได้ลงนามรับรองพร้อมพยาน หากกกต.ได้ตรวจตามที่ได้ร้องขอให้ดำเนินการแล้ว เมื่อพบว่าผู้สมัครรายใดขาดคุณสมบัติ กกต.ต้องดำเนินคดีตามความผิดในมาตรา 74 กับผู้สมัคร และดำเนิดดีในความผิดตามมาตรา 75 กับผู้รับรอง และพยานเท็จด้วย เพราะหาก กกต. ไม่ดำเนินการก็มีความเสี่ยงอาจถูกดำเนินคดีเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้
             “การทำหน้าที่พลเมืองของตนกับเพื่อนๆในครั้งนี้เป็นเจตนาบริสุทธิ์ที่ต้องการให้บ้านเมืองมีการบริหารจัดการไปอย่างมีธรรมาภิบาล ต้องการปลุกสำนึกของคนในชาติว่าถ้าปล่อยให้มีการทำผิดโดยการจูงในให้ประโยชน์คนมา ทำผิดกฎหมายเพื่อให้ตนได้มาซึ่งอำนาจหน้าที่ เมื่อได้อำนาจหน้าที่แล้วก็ใช้อำนาจหน้าที่ไปหาประโยชน์ แล้วเอาประโยชน์ไปจูงใจคนอีก หมุนเวียนเป็นวัฏจักรความเลวร้ายแบบนี้ โดยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ก็ปล่อยปละละเลยไม่ จริงจังกับการป้องกันกำจัดการกระทำผิด จะทำให้บ้านเมืองล่มจมได้ ในการร้องเรียน ร้องทุกข์ หรือฟ้อง ผู้ทำผิดกฎหมาย ในคราวนี้ พวกตนไม่มีอคติกับคนหนึ่งคนใดแต่อย่างใด และไม่ได้มีผลประโยชน์ใดแอบแฝงเพราะต่อให้มีการถอดถอน สว.ที่ได้ กกต.ได้ประกาศรับรองไปแล้วคน หนึ่งคนใด พวกตนก็ไม่มีส่วนได้เสียเพราะไม่ได้เป็นรายชื่อ สว.สำรอง แต่อย่างใด”

             พล.ต.ต.บัญญัติ กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องที่หลายคนคิดว่าผู้สมัคร สว.ที่ถูกดำเนินคดี เป็นระดับชาวบ้านที่อยากได้เงินค่าจ้างและมา ช่วยลงคะแนนให้ตามที่พรรคพวกขอร้องไหว้วาน ความเดือดร้อนตกอยู่กับคนจนนั้น ตนเห็นว่าตามกฎหมาย กกต. สามารถกันคนเหล่านี้ไว้เป็นพยานได้โดยไม่ต้องดำเนินคดีอยู่แล้ว ขึ้นอยู่ว่าสำนึกของแต่ละคนจะคิดได้หรือไม่ แต่ถ้าไม่มีสำนึกก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย ไม่ใช่ว่าใครยากจนลำบากแล้วจะทำผิดกฎหมายได้ และที่สำคัญการทำหน้าที่พลเมือง ของตนกับพวกในครั้งนี้อาจเป็นความหวังของผู้คนอีกมากมายที่อยากเห็นความถูกต้องเกิดขึ้นในบ้านเมือง แต่คนเหล่านั้นอาจยังไม่กล้าและไม่พร้อมที่จะทำหน้าที่พลเมืองแบบตนกับพวก ซึ่งตนหวังว่าวันหนึ่งถ้าคนที่อยากเห็นความถูกต้องมี จำนวนที่กล้าหาญมากพอเพิ่มขึ้น เราก็ยังมีความหวังว่าสิ่งถูกต้อง ความดีงามจะเกิดขึ้นในสังคมได้

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!