ชลบุรี-“ปวีณา”เร่ง ตร.คลี่ปมน้องแป้งวัย 1 ขวบ เสียชีวิตปริศนา
ภาพ-ข่าว:นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี
“หลังพ่อแม่ฝากเลี้ยงไว้กับปู่กับย่าได้เพียง 5 วัน ล่าสุดย่าปิดมือถือหายตัวลึกลับ”
16 ตุลาคม 2567 เวลา 13.30 น. ที่ สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุล เพื่อเด็กและสตรี ได้พา น.ส.แอ๋ม (นามสมมุติ) อายุ 28 ปี พร้อมสามี เดินทางไปพบ พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี “น้องแป้ง” ลูกสาววัย 1 เดือน 25 วัน ที่พ่อแม่นำไปฝากให้ย่าแท้ๆ กับปู่ ช่วยเลี้ยงดูได้ 5 วัน จู่ๆ เสียชีวิตมีเลือดออกทางจมูก แพทย์ชันสูตรสาเหตุการตาย “สันนิษฐานสมองได้รับบาดเจ็บ” หลังเกิดเหตุวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา ย่าหลบหนีหายตัวไป ขอเจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งติดตามตัวมาสอบปากคำหาสาเหตุการเสียชีวิต ที่แท้จริงของลูกสาว
น.ส.แอ๋ม กล่าวว่า ตนกับสามีเพิ่งจะมี “น้องแป้ง” เป็นลูกสาวคนแรกรักลูกสุดหัวใจ แต่ด้วยความจำเป็นที่ต้องทำงานกันทั้ง 2 คน เพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูก จึงได้นำน้องแป้งไปฝากให้ นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 55 ปี แม่ของสามี ซึ่งมีศักดิ์เป็นย่าแท้ๆ กับสามีใหม่ของย่า ช่วยเลี้ยงดูที่บ้านย่า ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.67 โดยที่บ้านย่าจะมีสามีใหม่ของย่าและน้องสาวพ่ออาศัยอยู่ด้วย หลังฝากเลี้ยงแบบกินนอนได้ 5 วัน กระทั่งเช้ามืดตี 5 ของวันที่ 5 ต.ค. ย่าได้โทรมาบอกให้พ่อแม่รีบไปดูลูกเพื่อพาไปหาหมอ พ่อแม่ใช้เวลาเดินทาง 10 นาที ก็ไปถึงพบสภาพลูกน้อยตัวเขียว ไม่หายใจ จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลบางละมุง หมอได้ปั๊มหัวใจแต่ไม่สามารถช่วยเหลือได้
น.ส.แอ๋ม กล่าวอีกว่า หมอระบุว่า เด็กขาดอากาศหายใจก่อนส่งโรงพยาบาลไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง และพบว่ามีเลือดออกทางจมูกด้วย หมอจึงได้เรียกย่าเข้าไปสอบถาม ย่าให้ข้อมูลกับโรงพยาบาลว่า ลูกสาวตื่นมาร้องตอนประมาณตี 1 จึงได้ชงนมให้กินและหลานได้หลับไป กระทั่งตี 5 ตื่นมาเห็นว่าหลานมีอาการชักเกร็งจึงรีบโทรศัพท์มาบอกพ่อแม่ให้ไปดูลูก และทางโรงพยาบาล ให้แม่ไปแจ้งความ เพราะหมอสงสัยอาการของลูกที่มีเลือดออกทางจมูก จากนั้นย่าก็อ้างอีกว่า ช่วงเย็นของวันที่ 4 ต.ค. ได้อาบน้ำให้หลานแล้วขาของหลานไปโดนขอบอ่าง ซึ่งแม่คิดว่าถ้าแค่นั้นก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ และจู่ๆ ย่าก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์ หายออกจากบ้านจนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่กลับมาและติดต่อไม่ได้เลย
“ต่อมาทางโรงพยาบาลบางละมุง ได้ส่งศพลูกสาวไปชันสูตรที่นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อวันที่ 8 ต.ค.67 แพทย์ระบุสาเหตุการตาย สันนิษฐานสมองได้รับบาดเจ็บ และแม่ได้รับศพลูกสาวมาทำพิธีทางศาสนาและฝังไว้ที่วัดสโน จ.ลพบุรี ส่วนผลชันสูตรอย่างละเอียดจะต้องรอประมาณ 45 วัน จากนั้นแม่ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.หนองปรือ เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกให้ย่ามาพบ แต่จนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีวี่แววจะเจอตัวย่าเลย แม่ไม่เชื่อว่า หากเพียงแค่ย่าให้เด็กกินนมจะทำให้ถึงกับเสียชีวิตและมีเลือดออกที่จมูก จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยติดตามตัวย่ามาไขปริศนาการตายของน้องแป้งด้วย”
นางปวีณา กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับพ่อแม่น้องแป้งที่ต้องมาสูญเสียลูกสาวที่รักไปด้วยวัยเพียง 1 เดือน 25 วัน พ่อแม่น้องแป้ง ได้ร้องทุกข์ไปที่มูลนิธิปวีณาฯ ขอให้ช่วยติดตามคดี หลังรับเรื่องนางปวีณาได้ประสาน พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ และนัดหมายเพื่อจะเดินทางพาพ่อแม่ไปพบ ผกก.ในวันนี้ น้องแป้งยังเล็กมากผู้ที่ดูแลจะต้องรักเอาใจใส่และต้องระมัดระวังอย่างมากที่สุด การเสียชีวิตของน้องแป้งทำให้พ่อแม่คาใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูก โดยแม่ไม่เชื่อว่าหากเพียงแค่ย่าให้เด็กกินนมจะทำให้ถึงกับเสียชีวิตและมีเลือดออกที่จมูก และทำไมย่าถึงต้องหลบหนีไป จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งติดตามผลการชันสูตรศพอย่างละเอียด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับเด็ก ทำให้ความจริงกระจ่าง หากมีผู้กระทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามความคืบหน้าคดีนี้ต่อไป
พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ พนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ ได้ลงพื้นที่สอบปากคำแล้วรวม 3 คน ประกอบด้วย พ่อแม่เด็ก และปู่ ส่วนตัวย่าที่อ้างว่าหลานสำลักนมเสียชีวิต ตอนนี้ปิดโทรศัพท์มือถือไม่สามารถติดต่อได้ ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบปากคำ อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนจะต้องรอผลผ่าชันสูตร เพื่อสรุปสาเหตุการตายที่แท้จริงอีกครั้ง หากตรวจสอบพบมีใครเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีก็จะดำเนินคดีตามกฏหมาย เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม และไขความคาใจของตัวพ่อแม่เด็ก
ขณะที่ ปู่กำธร อายุ 59 ปี วันนี้ได้เดินทางมาให้ปากคำกับตำรวจ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยยืนยันว่าคืนเกิดเหตุ ตัวย่า เลี้ยงหลานอยู่ชั้นล่างของตัวบ้าน ส่วนตัวเองพักอาศัยอยู่ชั้นบน สำหรับตัวเด็กไม่เคยแม้แต่จะอุ้มเลย คืนนั้นได้ยินแค่เสียงเด็กร้องตามปกติเหมือนทุกวัน ก่อนจะเห็นตัวพ่อแม่มารับเด็กไป ซึ่งไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เท่าที่ถามทราบเพียงว่าตัวเด็กลำลักนม