ประจวบคีรีขันธ์-ผู้ว่าฯปลูกแสม ปล่อยปู สร้างแหล่งอาหารให้ลิง ยันเริ่มต้นย้ายต้นปี 68 ภายหลังทำหมัน

ประจวบคีรีขันธ์-ผู้ว่าฯปลูกแสม ปล่อยปู สร้างแหล่งอาหารให้ลิง ยันเริ่มต้นย้ายต้นปี 68 ภายหลังทำหมัน

ภาพ/ข่าว:เอกภพ วงษ์ประเสริฐ

          วันที่ 23 ต.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานนำหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกิจกรรมปลูกป่าชายเลน-ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ที่บริเวณชุมชนปากคลองบางนางรม เขตเทศบาล อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าชายเลน สร้างแหล่งอาหารให้กับลิงแสมเขาช่องกระจก เป็นการเตรียมความพร้อมพื้นที่ก่อนดำเนินการย้ายลิงแสมกว่า 1,000 ตัว มาพักอาศัยที่ป่าชายเลนต้นปี พ.ศ.68 เพื่อแก้ปัญหาลิงรบกวนสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในเขตเทศบาล และสถานที่ราชการ
            โดยมี นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยว่าที่ร้อยตรี สมนึก พรหมศร ประมงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายนิทัศน์ จันทร์ทอง ผู้บัญชาการกองเรือพิทักษ์วารี นายสุรชัย พรหมรัตนเลิศ ประธานชุมชนปากคลองบางนางรม หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกลุ่มจิตอาสาพิทักษ์วารี เข้าร่วมกิจกรรม
            โดยภายในกิจกรรมได้ร่วมกันปลูกพันธุ์กล้าไม้ อาทิ ต้นโกงกาง ต้นแสม และต้นโปร่งแดง จำนวนกว่า 100 ต้น จากนั้นได้ร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ประกอบด้วย พันธุ์ปลากะพงขาว จำนวน 999 ตัว ปูดำ 199 ตัว และปูหิน จำนวนกว่า 1,000 ตัว ลงสู่ป่าชายเลนปากคลองบางนางรม เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศ และ สร้างแหล่งอาหารให้กับลิงแสมก่อนนำกลับมาคืนถิ่น
             นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า การทำกิจกรรมในวันนี้ เป็นการร่วมกันสร้างแหล่งอาหารซีฟู้ดให้กับลิง เนื่องจากลิงแสมเขาช่องกระจกชอบอาหารซีฟู้ด วันนี้จึงได้ร่วมกันปลูกป่าบนพื้นที่ป่าสงวนคลองบางนางรม ซึ่งมีเนื้อที่อยู่ประมาณ 500 ไร่ และร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ปู ปลา เพื่อเป็นการฟื้นฟูระบบนิเวศให้กลับมาอุดมสมบูรณ์
              หลังจากนั้นในช่วงต้นปี 68 จะเริ่มดำเนินการทยอยทำหมันลิง และหลังจากทำหมันแล้วก็จะนำมาทดลองปล่อยให้ใช้ชีวิตอาศัยอยู่ในป่าคลองบางนางรม จะเป็นการทยอยนำมาปล่อยไม่ได้นำมาปล่อยพร้อมกันทั้งหมด ซึ่งมีปัญหาอะไรก็ต้องค่อยๆปรับแก้กันไป ส่วนพื้นที่ปัญหาข้อพิพาททับซ้อนระหว่างที่หลวงกับเอกชน จะต้องแก้ไขไปตามข้อกฎหมาย ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา และในอนาคตก็จะพยายามผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงระบบนิเวศต่อไป จึงอยากขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และทุกคนให้ร่วมด้วยช่วยกัน

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!