ลพบุรี-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เต็มความจุทยอยเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อน

ลพบุรี-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เต็มความจุทยอยเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อน

ภาพ-ข่าว:กฤษณ์ สนใจ

           เขื่อนป่าชลสิทธิ์ น้ำเต็มความจุ วันแรก หลังเสร็จสิ้นฤดูฝน เร่งทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำ เพื่อควบคุมปริมาณน้ำในเขื่อนปาสักชลสิทธิ์ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อรักษาเสถียรความมั่นคงของตัวเขื่อน

             จากภาพมุมสูง เหนือเขื่อนป่าชลสิทธิ์ ต.หนองบัว อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ล่าสุดเมื่อเวลา 06.00 น. เช้าวันนี้ 29 ตุลาคม 2567 หลังสิ้นสุดฤดูฝน จะเห็นได้ว่ามีปริมาณน้ำเต็มเขื่อนป่าชลสิทธิ์แล้ว เนื่องจากในห้วงของเดือนกันยายน ต่อเนื่องถึงเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำเหนือจาก จังหวัดเพชรบูรณ์ ไหลเข้าสูงเขื่อนป่าสักฯ เป็นจำนวนมาก

             โดยปริมาณน้ำล่าสุดวันนี้ อยู่ที่ 956.50 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 99.64 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเต็มความจุ ที่ระดับกักเก็บปกติของเขื่อน ที่ 960 ล้านลูกบาศก์เมตรแล้ว และยังคงมีน้ำตกค้างในแม่น้ำป่าสักตอนบน ไหลเข้าสูงเขื่อนอีกเป็นจำนวนหนึ่ง ทำให้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ต้องบริหารจัดการน้ำ เพื่อควบคุมปริมาณน้ำในเขื่อนปาสักชลสิทธิ์ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อรักษาเสถียรความมั่นคงของตัวเขื่อน โดยได้เริ่มทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำลงสู่ท้านเขื่อน แบบขั้นบันได มาตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา จาก 70 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 120 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในเช้าวันนี้ โดยคาดว่าน้ำจะครบ 100 เปอร์เซ็นต์ เต็มความจุของเขื่อนในเย็นวันนี้…..
            ล่าสุด นายชูพงศ์ อิศรัตน์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ เปิดเผยว่า.. สถานการณ์น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในขณะนี้ ถือได้ว่า…มีปริมาณน้ำ เต็มความจุ ครบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ขณะที่น้ำตอนบนเหนือเขื่อนป่าสักฯ ยังมีน้ำอยู่ที่ต้นน้ำ ในอำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ ไหลเข้าเขื่อนฯ อยู่ที่วันละ 15-16 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน แต่ก็มีแนวโน้มน้อยลง ทำให้เขื่อนป่าสักฯ ต้องมีการระบายน้ำด้านท้ายเขื่อน เพื่อบริหารจัดการน้ำให้อยู่ในเกรณ์การควบคุมของเขื่อน ในอัตรา 120 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือเฉลี่ยวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่มีน้ำไหลเข้าวันละ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้มีน้ำคงค้างอยู่ในเขื่อน วันละ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีแนวโน้มลดลง
           ซึ่งจากนี้ไปน้ำในเขื่อนจะอยู่ที่ 100 เปอร์เซ็นต์ หรือเกินจากนี้ไปเล็กน้อย ซึ่งถือเป็นช่วงที่จะกักเก็บน้ำให้ได้มากที่สุด ในช่วงของปลายฤดูฝน ตามที่ กรมอุตุนิยมวิทยา ได้พยากรณ์ไว้ ว่าจากนี้ไป ปริมาณฝนจะมีแนวโน้มลดน้อยลง โดยจะไปมีฝนเพิ่มในพื้นที่ภาคใต้แทน ดังนั้น จึงต้องกัดเก็บน้ำให้ได้มากที่สุด เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งถือว่าเป็นอีกปีหนึ่ง ที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำเต็มเขื่อน ได้สำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง

               ทั้งนี้ หากปริมาณน้ำที่ตกค้างในลำน้ำตอนบนเหนือเขื่อน ลดน้อยลง ทางเขื่อนป่าสักฯ ก็จะลดการระบาย เพื่อให้สอดคล้องกับน้ำที่อยู่ด้านเหนือเขื่อน โดยจะมีสถานีวัดน้ำติดตามสถานการณ์น้ำตลอดเส้นทาง เพื่อที่จะวางแผนการจัดการน้ำได้เป็นรายสัปดาห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
            แต่อย่างไรก็ตาม หากอาจต้องมีการระบายน้ำเพิ่มเติมด้านท้ายเขื่อน เพื่อให้การเก็บกักน้ำ หน่วงน้ำ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทางเขื่อน จะดำเนินการระบายตามแผนในปริมาณที่เหมาะสม และจะแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนก่อนการระบายน้ำทุกครั้ง

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!