นครปฐม-“หลวงพี่น้ำฝน”ถือหนังสือเจ้าอาสวัดสามชุก แจ้งพระปีนเสากลับวัด รอชี้มูลผิดถึงจับสึก..!!

นครปฐม-“หลวงพี่น้ำฝน”ถือหนังสือเจ้าอาสวัดสามชุก แจ้งพระปีนเสากลับวัด รอชี้มูลผิดถึงจับสึก..!!

ภาพ-ข่าว:บ.ก.อริย์ธัช พรอัศวโยธิน

              “หลวงพี่น้ำฝน” ถือเอกสารเจ้าอาวาสวัดสามชุก ต้นสังกัดพระปีนเสาไฟ แจ้งที่ช่อง 3 ให้กลับวัด ชี้ตั้งสำนักสงฆ์ผิดระเบียบ โดยการเอาศาสนามาเสี้ยมให้เกิดความสับสนเข้าใจผิดโทษถึงขั้นจับสึก ขณะที่บรรยากาศในการแจ้งหนังสือพบพระปีนเสาโวยวายไม่รับการแจ้งตามเอกสาร ส่วนการย้อนรอยพบหญิงที่ดูแลสำนักปฎิบัติธรรมที่นครปฐม น่าจะเคยถูกหมอปลาตามและฝ่ายปกครอง ตามรวบขณะขับรถไปบิณฑบาตด้วยกันมาแล้ว
            วันนี้ 31 ตุลาคม 67 ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรณีเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เสาวภาคย์โชติรส หรือพระปีนเสาไฟ ถูกเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานประกอบด้วยสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอนครชัยศรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครชัยศรี เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สนธิกำลังประสานกับพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวสวัดไผ่ล้อม ในฐานะในฐานะประธานคณะทำงานดำเดินการแก้ไขข้อขัดข้อง ระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 และสังฆาธิการพระครูสิริปุญญาภิวัฒน์ เจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เจ้าอาวาสวัดสำโรง เจ้าคณะตำบลวัดสำโรง เข้าตรวจสอบสำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตรี สวนธรรมแสงเทียน หมู่ที่ 3 ตำบลห้วยพลู อำเภอนครชันยศรี จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นไปตามเอกสารที่ พระครูปลัดสุทัศน์ สุเมโธ รักษาการเจ้าอาวาสวัดโพนทะเล จังหวัดพิจิตร เรื่องขอให้พระภิกษุ(พระธีรธนัชณฤทธา เสาวภาคย์โชติรส )ลับวัดโพนทะเล ภายใน 7 วัน

              โดยในการเข้าตรวจสอบ พระธีรธนัชณฤทธา ได้มีการแย้งว่าเอกสารดังกล่าวไม่ถูกต้องเนื่องจากได้ถูกให้ออกจากวัดโพนทะเล จังหวัดพิจิตรไปนานแล้ว และมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ที่ได้เข้าไปตรวจสอบและแจ้งว่าหนังสือเป็นเท็จ และแจ้งว่าปัจจุบันได้มีต้นสังกัดที่วัดสามชุด อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเอกสารไม่ตรงกัน และมีท่าทีไม่พอใจโดยได้มีการขึ้นเสียงกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม โดยอ้างว่าโดนกลั่นแกล้ง ขณะที่มีหญิงกลางได้มาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าวว่ามีการให้ที่ดินในก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรมดังกล่าว ซึ่งหน่วยงานและคณะสงฆ์ได้มีการกลับออกไป โดยขอให้มีการนำเอกสารการร้องขอการต่อตั้งสำนักปฏิบัติธรรม จากพระชั้นปกครองในอำเภอนครชัยศรี
             ต่อมาในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้รับเอกสารด่วน พิเศษ/2567 ที่วัดสามชุก ตำบล อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี เรื่องขอให้ พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เสาวภาคย์โชติรส กลับวันสามชุก โดยมีเนื้อหา ว่ามีการขอมาสังกัดที่วัดสามชุกตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 65 ที่ผ่านมา แต่ไม่เคยมาสังกัดอยู่ที่วัดสามชุกเลย และทราบว่าได้ไปพำนักอยู่ที่สถานปฏิบัติธรรมพุทธะชยันตรีตำบลห้วยพลู อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม และมีการปรากฎตามสื่อออนไลน์ต่างๆทำให้เกิด ความเสื่อมเสียแก่คณะสงฆ์และพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง จึงขอให้กลับวัดภายในเจ็ดวันนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือเป็นต้นไป ลงนามโดย พระครูสุวรรณวิตร ดร. เจ้าอาวาสวัดสามชุก ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2567

             ซึ่งหลวงพี่น้ำฝน พร้อมด้วยพระสังธิการ พระวินยาธิการจังหวัดนครปฐม พระวินยาธิการจังหวัดนครปฐม พระปกครองเขตคลองเตย จึงได้นำเอกสารดังกล่าวไปยังอาคารมาลีนนท์ เพื่อติดตามความคืบหน้าและนำหนังสือดังกล่าวให้มา ยังอาคารมาลีนนท์ สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เพื่อแจ้งให้กับพระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา โดยได้มีมวลชนทั้ง 2 ฝั่งมาอยู่ในสถานที่ตามที่ได้ที่ได้มีการแจ้งโดยมี กันจอมพลัง หมอปลา ทนายไพศาล มารวมตัวอยู่เพื่อติดตามเหตุการณ์ดังกล่าว

             หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า พระรูปนี้สังกัดที่วัดสามชุก นครปฐม ซึ่งเจ้าอาวาสได้ทำหนังสือคำสั่งในเขตภาค 14 ซึ่งพระรูปนี้ ย้ายสังกัดจากจังหวัดพิจิตรมาสังกัดอยู่ที่วัดสามชุกจังหวัดสุพรรณสุพรรณบุรี ซึ่งย้ายมาตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 จนถึงปัจจุบันไม่เคยอยู่ในการปกครองของเจ้าอาวาส กรอบการปกครองซึ่งตามระเบียบพระรู้ว่าจะต้องอยู่ในกรอบดูแลของเจ้าอาวาสวัดนั้น ซึ่งพระรูปนี้มีการจัดตั้งสำนักสงฆ์แต่ไม่ได้ปรากฏเอกสารขออนุญาตต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด
              วันนี้อาตมาจึงนำเอกสารคำสั่งของเจ้าอาวาสที่ให้พระรูปนี้กลับไปชี้แจง ซึ่งทาง จะต้องขึ้นทะเบียน สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐมได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานเพื่อรายงานต่อเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรีต่อไป โดยให้ระยะเวลาภายในเจ็ดวันซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2562 ประชาชนได้ร้องเรียน พระรูปนี้มายังอาตมาตลอด เช่น การนำบุคคลต่างด้าวไปอยู่

            ทั้งนี้ในเรื่องของการนำศาสนาอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้นอาตมามองว่า เป็นการไม่สมควรที่จะไปยุ่งกับศาสนาอื่นเราเป็นพระภิกษุสงฆ์ศาสนาใดก็แล้วแต่เราควรจะรักและสามัคคีกันไว้ไม่ใช่ว่าศาสนานี้มาใส่ร้ายศาสนาพุทธศาสนาพุทธไปใส่ได้ศาสนาอื่นเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำให้ใช้ศีลทสมาธิ และปัญญาในการดำเนินชีวิตสืบทอดพระพุทธศาสนา มาฉะนั้นอย่าโยงเอาศาสนามาทำให้เกิดปัญหา ซึ่งคณะสงฆ์จะไม่ทำเช่นนั้นเด็ดขาดถ้ามีเหตุการณ์เช่นนี้เราก็ต้องคอยดูแลและทำตามขั้นตอนตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ ซึ่งโทษมีถึงขั้นถูกจับสึกได้
             ทั้งนี้จากการติดตามสังเกตุการณ์ในพื้นที่ศาลายา การ์เด้น ซึ่งเป็นที่ดินจัดสรร และมีสถานปฏิบัติธรรมดังกล่าว เมื่อวานนี้ พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา ได้อ้างว่ามีโยมซึ่งเป็นหญิงอายุประมาณ 50 ปีมาสังเกตุการณ์ในการตรวจสอบบอกว่าเป็นผู้มอบที่ดินดังกล่าวให้ตั้งสถานปฏิบัติธรรมฯ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตุว่าน่าจะเป็นคนเดียวกันกับกรณี หมอปลาเคยบบุกรวบขณะขับรถยนต์ไปบิณฑบาตย่านพุทธมณฑล และถูกจับกุมมาครั้งหนึ่งโดยมีการลงฑัณฑ์ไว้แล้ว ชาวบ้านขอให้ตรวจสอบความเชื่อมโยงถึงกันด้วย

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!