สุพรรณบุรี-เปิดงานนมัสการปิดทองหลวงพ่อโตและเทศกาลลอยกระทง
ภาพ-ข่าว:มงคล สว่างศรี/ธนกฤต แตงโสภา
ครั้งหนึ่งในชีวิต นางรำสายบุญทุกวัย จากหลายจังหวัด 300 ค พร้อมใจกันมารำบวงสรวง ถวายหลวงพ่อโต เปิดงานนมัสการปิดทองไหว้พระหลวงพ่อโต และเทศกาลลอยกระทง ขณะที่ชาวบ้านต่างฮือฮาเลขสวยหางประทัด ในพิธีเปิดงานนมัสการปิดทองไหว้พระหลวงพ่อโต ได้เลข 888 ตรงกันทั้ง 2 หาง พร้อมเปิดโบสถ์มอญ มหาอุดเก่าที่สุดในประเทศไทย ให้เข้าชมได้ หลังจากปิดมานาน 23 ปี
ไปกันที่วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี นายเชษฐา ขาวประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ประธานเป็นเปิดงานนมัสการปิดทองหลวงพ่อโตและเทศกาลลอยกระทง ซึ่งมีพระพรหมโมลี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค 5 เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ พระธรรมพุทธิมงคล ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 14 เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ โดยช่วงเช้าได้มีนางรำจิตอาสาจากจังหวัดสระบุรี สมุทรสาคร นครปฐม ราชบุรี อ่างทองและสุพรรณบุรี รวมกว่า 300 คน รำบวงสรวงถวายหลวงพ่อโต ในเพลง ลายสักการะหลวงพ่อโต บริเวณหน้าวิหารหลวงพ่อโต
ซึ่งจัดให้มีการรำบวงสรวงถวายหลวงพ่อโตเป็นครั้งแรก ที่มีนางรำจากจังหวัดต่าง ๆ มารวมตัวกันมากที่สุดถึง 300 คน ทำให้นางรำจิตอาสา ขอเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ได้มีโอกาสมารำถวายหลวงพ่อโต งานจะมีไปจนถึงวันที่ 16 พ.ย.2567 ภายในงานมีมหรสพ ดนตรี ลิเก ชื่อดังดังให้ชมฟรี ทุกค่ำคืน มีร้านค้า ของกิน ของใช้ สินค้าโอทอป ของดีมาจำหน่ายมากมาย ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดงานนมัสการปิดทองหลวงพ่อโต ได้จุดประทัดบวงสรวงเฉลิมฉลอง 2 หมื่นนัด หลังสิ้นเสียงประทัดชาวบ้าน นักเสี่ยงโชคต่างฮือฮา เลขหางประทัด 2 เลข ได้เลข 888 ตรงกันทั้ง 2 หาง
ตามประวัติวัดป่าเลไลยก์ ตั้งวัดเมื่อปี พ.ศ.1369 โดยทางวัดป่าเลไลยก์ ได้ตั้งเป้าไว้ 2 ปีหน้า วัดป่าเลไลยก์ ครบ 1,200 ปี จะมีนางรำสายบุญมาร่วมพิธีรำบวงสรวงหลวงพ่อโตมากถึง 1,200 คน เพื่อเฉลิมฉลอง 1,200 ปี วัดป่าเลไลยก์ อย่างยิ่งใหญ่ สำหรับวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เป็นปูชนียสถาน คู่บ้านคู่เมืองและเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวสุพรรณบุรี มานับพันปี
ตามตำนานเล่าว่า ภายในองค์หลวงพ่อโต ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ เป็นสิริมงคลแก่ผู้บูชากราบไหว้ อีกทั้งได้รับการบันทึกผ่านหน้าประวัติศาสตร์ วรรณกรรมสำคัญของชาติหลายเรื่องด้วยกัน แต่ปรากฏชัดเจนที่สุดในเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ทำให้ทราบได้ว่า วัดป่าเลไลยก์ นอกจากจะเป็นศูนย์รวมศรัทธาแล้ว ยังเป็นเวทีแสดงศิลปะพื้นบ้านของชุมชนภาคกลางศิลปะการแสดงพื้นบ้าน เช่น ลิเก เพลงอีแชว และการละเล่นต่าง ๆ
ซึ่งตอนนี้ทางวัดป่าเลไลยก์ ได้เปิดโบสถ์มอญ มหาอุตม์อายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย โดยเปิดให้ชาวบ้าน นักท่องเที่ยวได้ชมศิลปะ ความงามของพระประธานและความเข้มขลัง ศักดิ์สิทธิ์ภายใน เสาหลักวัดที่หาชมได้ยาก ยังเก็บรักษาไว้อย่างดี หลังจากโบสถ์มอญ มหาอุตม์ ปิดตายห้ามเข้ามากว่า 23 ปี
สำหรับโบสถ์มอญมหาอุตม์ (วัดมอญร้าง) อยู่ที่วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จ.สุพรรณบุรี สร้างโดยกลุ่มชนชาวมอญมีอายุ ประมาณ 713-1,194 ปี ในโบสถ์มีพระประธานหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งเมืองหลวงชาวมอญ ตัวโบสถ์มอญมีขนาดเล็กจุคนได้ไม่มาก ปกติจะเปิดใช้ทำสังฆกรรมของพระภิกษุสงฆ์เท่านั้น เป็นที่พระภิกษุเรียนวิปัสสนากัมมัฏฐาน ตลอดจนเป็นที่ฝึกฝนร่ำเรียนวิชาคาถาอาคมปลุกเสกเครื่องรางของขลังและศาตราวุธต่าง ๆ ของเกจิอาจารย์ตลอดถึงแม่ทัพนายกองผู้เรืองวิชาในยุคก่อน ในตำนานว่ากันว่าขุนแผนก็ใช้สถานที่นี้ฝึกฝนและเรียนวิชาคาถาอาคมตั้งแต่ตอนบวชเณรด้วยเช่นกัน
เนื่องด้วยลักษณะตัวโบสถ์มีประตูเข้าออกแค่ทางเดียวบานเดียวไม่มีหน้าต่าง เป็นที่มาของคำว่าโบสถ์มหาอุตม์ จึงมีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ สำหรับทำพิธีต่าง ๆ แม้แต่ยุคสมัยเสือต่าง ๆ ในสุพรรณบุรี หรือแม้แต่เหล่าตำรวจมือปราบต่างก็เข้ามาฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อถิร อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์ พระเกจิดังแห่งเมืองสุพรรณบุรี และได้ร่ำเรียนวิชาคาถาอาคมกันที่โบสถ์มอญมหาอุตม์แห่งนี้ด้วยเช่นกัน