ชลบุรี-รวบสาวคาเตียงคนไข้ หนีหมายจับ ฉ้อโกง-บัญชีม้า ขณะแอบเยี่ยมดูใจผัวถูกตำรวจยิง
ภาพ-ข่าว:นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 2 ธ.ค.67 พ.ต.ท.กรณ์พงษ์ สุขวิสิฏฐ์ รอง ผกก.สส. พร้อมชุดสืบสวน สภ.บางละมุง นำหมายจับ ศาลอาญาที่ 4706/2567 ลงวันที่ 25 ก.ย.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” และหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ตที่ จ.706/2565 ลงวันที่ 30 พ.ย.2565
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” หรือ บัญชีม้า
เข้าทำการจับกุม นางสาวสมร หรือเมี่ยว ใจคง อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดชลบุรี สืบเนื่องจาก นางสาวสมร หรือเมี่ยว ใจคง เป็นภรรยาของ นายประทีป หรือแบน พ่อพิลา อายุ 35 ปี ที่เคยตกเป็นข่าว กรณีถืออาวุธมีด แล้วทำท่าทางง้างมือจะฟันตำรวจ ที่กำลังปฎิบัติหน้าที่ปิดล้อมหมู่บ้านสลัม เพื่อตรวจค้นและจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายย่อย จนถูก ร.ต.อ.สมาน บุญแก้ว รอง สวป.สภ.บางละมุง ปัจจุบันปฎิบัติหน้าที่งานสืบสวนฯ ตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิง เพื่อสยบความคลั่ง จนนายประทีป หรือแบน พ่อพิลา ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบางละมุง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 พ.ย.67 ที่ผ่านมา
ซึ่งภายหลังเกิดเหตุ ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางละมุง ทำการสืบทราบว่า ในวันที่ตำรวจมีการปิดล้อมหมู่บ้านสลัมดังกล่าว จนเกิดเหตุการณ์ตำรวจ ใช้อาวุธปืนยิง นายประทีป หรือแบน ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่นางสาวสมร หรือเมี่ยว ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ได้อาศัยช่วงชุลมุน ในขณะที่ตำรวจและกู้ภัยฯ กำลังช่วยเหลือคนเจ็บ วิ่งหลบหนีไป โดยไม่อยู่ช่วยผู้เป็นสามี ตำรวจ จึงทำการตรวจสอบประวัติ จนทราบว่า นางสาวสมร มีหมายจับ ศาลอาญา และศาลจังหวัดภูเก็ต ( 2 หมายจับ ) ในข้อกล่าวหาฉ้อโกง และเปิดบัญชีม้า จึงได้ลงพื้นที่สะกดรอยตาม เพื่อหาแหล่งหลบซ่อนตัว
จนกระทั่ง ในวันนี้ ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางละมุง สืบทราบว่า นางสาวสมร หรือเมี่ยว ใจคง เดินทางมาเยี่ยมดูใจสามี ซึ่งกำลังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบางละมุง จึงเดินทางไปเฝ้าจับกุม พอตำรวจเห็นว่า นางสาวสมร ปรากฏตัว ข้างเตียงคนไข้ ผู้เป็นสามี ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าทำการจับกุมทันที ก่อนจะควบคุมตัวไปทำการสอบสวน ในเบื้องต้นเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับผู้สื่อข่าว มีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะควบคุมตัวส่ง สน.พญาไท กรุงเทพฯ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป