“สุพิศ”ต้องสู้อย่างเข้มข้น ในสถานการณ์ที่ผู้ใหญ่บางคน“รักษาระยะห่าง”
ภาพ-ข่าว:นายหัวไทร
เมื่อ “ถาวร เสนเนียม” อดีตรัฐมนตรีช่วยคมนาคม ออกมาปฏิเสธลงสมัครชิงนายกฯอบจ.สงขลา ทำให้ตัวเลือกของคนสงขลาน้อยลง และยังไม่รู้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดหรือไม่
ถาวรยืนยันว่า ที่ไม่บงสมัคร ไม่ใช่ไม่เสียสละ และไม่ใช่กลัวว่าจะสอบตก และเสียคนตอนแก่ แต่มีข้อกังวลเรื่องคดีการชุมนุมทางการเมืองในสมัย กปปส.ที่ศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 5 ปี ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 1 ปี และคดีอยู่ระหว่างฏีกา เมื่อประเมินผลทรงคดีแล้ว ถ้าหากลงสมัครแล้วได้รับการเลือกตั้ง อึก 1 ปีต่อมาศาลสั่งลงโทษ ก็ต้องขาดคุณสมบัติ ต้องพ้นจากตำแหน่ง อบจ.สงขลาก็ต้องสูญเสียงบประมาณในการจัดเลือกตั้งใหม่ 70 กว่าล้านบาท อันเป็นงบประมาณจากภาษีของพี่น้องประชาชน จึงตัดสินใจไม่ลงสมัคร เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อราชการ
เมื่อถาวรตัดสินใจไม่ลงเลือกตั้ง จึงเหลือ“สุพิศ พิทักษ์ธรรม”อดีตอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ที่ลาออกจากราชการมาเตรียมลงสมัครนายกฯอบจ.สงขลายืนโดดเด่นอยู่มากกว่าคนอื่นๆ
แต่แม้สุพิศจะโดดเด่นมากกว่าใครก็ใช่ว่าจะเป็นเครื่องการันตีว่าจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง เพราะยังมีคลื่นใต้น้ำสร้างแรงกระเพื่อมไม่น้อย แรงกระเพื่อนอันเกิดจากสุพิศเองที่พยายามถีบตัวเองให้ออกห่างจากประชาธิปัตย์ ในสถานการณ์ที่ประชาธิปัตย์ขาลง ลงแบบรูดถึงโคน และสุพิศยังพยายามสลัดตัวเองออกห่างจากนายกฯชาย เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เพราะหลังจากประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล“อุ้งอิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร”และนายกฯชายรับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข ฐานะของนายกฯชายในสงขลาก็สั่นคลอนไม่น้อย
แต่การพยายามดีดตัวห่างจากประชาธิปัตย์ และนายกฯชายของสุพิศ ถ้ามองผิวเผินดูเหมือนจะดี แต่อาจจะเป็นการสร้างความไม่พอใจให้นายกฯชาย และพลพรรคได้เหมือนกัน จึงมีข่าวปล่อยแบบโยนหินถามทาง ทำนอง ส.อบจ.สายนายกฯชายไม่พอใจสุพิศ ที่ตีตัวออกห่าง อาจหันหัวเรือกลัวไปหนุน “ไพเจน มากสุวรรณ์” นายกฯอบจ.คนปัจจุบันให้ลงสมัครอีกสมัย ทัังๆที่ก่อนหน้าชัดเจนว่า นายกฯชายหนุนเสริมสุพิศ และเป็นคนเจรจาของให้ไพเจนถอย และไพเจนก็ประกาศถอยแล้ว เพียงแต่ยังเดินหน้าสร้างผลงาน โปรโมตผลงานอย่างน่าสงสัยถึงอนาคตทางการเมือง ถึงกับมีการปล่อยข่าวออกมาว่า 19 ธันวาคม วันสุดท้ายของการทำงานของไพเจนบนตำแหน่งนายกฯอบจ.สงขลา ส.อบจ.สายไพเจน และสายนายกฯชาย จะนำมวลชนร่วม 3000 คนไปให้กำลังใจไพเจน และขอร้องให้กลับใจมาลงสมัครอีกสมัย
ซึ่งถ้าไพเจนกลับใจตามแรงเชียร์คนสงขลาก็จะมีตัวเลือกใหม่ ที่เป็นวัวเคยค้ามาเคยขี่ เห็นผลงานกันอยู่ ก็จะกลับมาเป็นคู่แข่งของสุพิศที่จะ “ขับรถวางมือ”ได้ อันจะทำให้สุพิศเหนื่อยขึ้นเป็นสองเท่า ก็ต้องรอดูว่าไพเจนตะมีท่าทีออกมาอย่างไร 19 ธันวาคมก็จะรู้ ถ้าไพเจนยังยืนยันในท่าทีเดิม คือไม่ลงสมัคร คะแนนส่วนหนึ่งก็จะไหลไปทาง “นิรันดร์ จินดานาค” ว่าที่ผู้สมัครจากพรรคประชาชน ไม่ได้ไหลไปทางสุพิศแน่นอน แม้นนิรันดร์จะไม่ค่อยได้คลุกคลีกับพื้นที่สงขลามากนักด้วยภารกิจในอาชีพสจ๊วด แต่ไม่ควรลืมว่า “ชัยธวัช ตุลาธน”อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไทย เป็นคนสงขลา และพี่เท้งณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ก็เป็นคนสงขลา ก็เข้าใจได้ว่า พรรคประชาชนจะยืนแลกหมัดกับสุพิศเต็มกำลังเช่นกัน
สองพลังบวก “ชัยธวัช-พี่เท้ง”กับการที่คนสงขลาไม่มีตัวเลือกที่ดีพอ จะประมาท “นิรันดร์”ไม่ได้เลย ในสภาวะที่กระแส “สุพิศ” ยังไม่ดีขึ้นกว่าเดิม สุพิศยังต้องทำงานหนักมากกว่านี้ืและต้องใช้สื่อโซเชี่ยลอย่างเข้มข้น เป็นระบบ มีกระบวนท่า อย่างเยะแยะ ไม่เปิดหน้าทะเลาะกับสื่อในสถานการณ์ “สร้างกระแส เปิดแผลคู่แข่ง” อย่าลืมว่า พรรคประชาชนคือเจ้าแห่งโซเชี่ยลในสนามการเมือง “สุพิศ” ต้องสู้อย่างเข้มข้นกว่านี้ในสถานการณ์ที่ผู้ใหญ่บางคน “รักษาระยะห่าง”