ราชบุรี – ตั้งศูนย์ Cl หลังเกิดคลัส นร.ตร.ติดเชื้อเกือบ 200 นาย ขณะผู้ปกครองโวยไม่มีมาตรฐาน
ภาพ/ข่าว:สุจินต์ นฤภัย
ภายในศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 7 อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ได้ตั้งศูนย์ Cl หลังพบคลัสเตอร์ใหม่ นักเรียนตำรวจที่เข้ารับการฝึกอบรมติดเชื้อโควิด-19 กว่า 180 นาย และมีอาการหนักลงปอด 8 นาย รพ.ปากท่อ ต้องนำรถโมบายเข้าเอกซ์เรย์ปอดหาเชื้อ
วันที่ 22 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 7 อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ได้ตั้งศูนย์พักคอยผู้ป่วยโควิดสีเขียว Cl หลังพบ นักเรียนตำรวจที่เข้ารับการฝึกอบรมติดเชื้อโควิด-19 กว่า 180 นาย จนทำให้เกิดเป็นคลัสเตอร์ใหม่ของจ.ราชบุรี ซึ่งจากการตรวจสอบยังไม่ทราบแน่ชัดว่า มีการติดเชื้อมาจากที่ไหน โดยในศูนย์ฝึกดังกล่าวมีนักเรียนตำรวจที่เข้าฝึกอบรม และบุคลากรครูอาจารย์ผู้ฝึก รวมผู้ดูแลศูนย์ฝึกกว่า 500 คน ซึ่งมีนักเรียนตำรวจติดเชื้อแล้ว 179 นาย และมีแม่ครัวของศูนย์ฝึกติดเชื้อรวม 3 คน โดยทางศูนย์ฝึกได้ใช้กองร้อยแบ่งเป็นศูนย์ Cl แบ่งผู้ป่วยเป็น 3 กลุ่มคือ ผู้ติดเชื้อ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และผู้กักตัวดูอาการ ล่าสุดเฟสบุ๊คแฟนเพจของศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 7 ได้ออกมาชี้แจงผ่านหน้าเพจพร้อมยืนยันว่า ทุกหน่วยงานที่ส่วนเกี่ยวข้องได้ร่วมมืออย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้บุตรหลานของท่านได้รับการรักษาพยาบาลและดูแลอย่างดีที่สุด พร้อมมีการตั้งคณะกรรมร่วมตรวจสอบกับทางจนท.สาธารณสุข ในการสอบสวนโรค ว่ามีการติดเชื้อเข้ามาภายในศูนย์ฝึกได้อย่างไร เพราะนักเรียนตำรวจที่เข้ารับการฝึกอบรม ไม่ได้ออกไปไหนมาไหนกว่า 5 เดือนแล้ว ขณะเดียวกันตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ทางรพ.ปากท่อ ได้นำรถโมบายเอกซ์เรย์ไปเอกซ์เรย์ปอดให้นักเรียนตำรวจที่เข้าฝึกอบรม และบุคลากรครูอาจารย์ผู้ฝึก รวมผู้ดูแลศูนย์ฝึกกว่า 500 คน โดยกำลังรอผล และมีนักเรียนตำรวจมีอาการเชื้อลงปอดอยู่ 8 นาย ทำให้ต้องเข้ารักษาตัวที่ รพ.ปากท่อ ส่วนผู้ที่มีอาการขั้นสีเขียวจะอยู่ในศูนย์ Clภายในศูนย์ฝึกอบรมขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่รอบศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 7 หลังทราบข่าวมีนร.ตร.ภายในศูนย์ฝึกติดเชื้อเป็นจำนวนมาก จึงมีความกังวลว่า เชื้อโรคจะแพร่กระจายมาสู่ชุมชน จึงอยากวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาตรวจสอบพร้อมดูแลศูนย์ฝึก ไม่ให้เชื้อแพร่ กระจายสู่ชุมชนรอบด้าน ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจากบรรดาผู้ปกครอง โดยได้ส่งหลักฐานการสนทนาทางกลุ่มไลน์ให้ทางทีมผู้สื่อข่าวดู โดยทางผู้ปกครองอ้างว่า ทางศูนย์ฝึกอบรมไม่มีมาตรการในการดูแลบุตรหลานที่ติดเชื้อ โดยปล่อยให้บุตรหลานที่ติดเชื้อนอนเต็นท์สนามข้างกองร้อย โดยเครื่องอุปโภคก็มีไม่เพียงพอต่อความต้องการ แม้น้ำดื่มและยาบางชนิดทางผู้ปกครองต้องร่วมกันออกเงินซื้อไปให้บุตรหลานเอง ส่วนผู้ไม่ติดเชื้อก็ไม่มีการแยกออกจากกลุ่มผู้ติดเชื้อ ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรดาผู้ปกครองเตรียมหนังสือยื่นต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจ.ราชบุรี ในวันพรุ่งนี้(23 พ.ย.) เวลา 10.00 น. เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้ศูนย์ฝึกอบรมรวจภูธรภาค 7 บ้านไพรสะเดาชั่วคราว และให้ส่งตัวนร.ตร.กลับภูมิลำเนา โดยระบุว่า หลังมีการแพร่ระบายของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างหนัก และนร.ตร. จากศูนย์ฝึกอบรมติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ซึ่งยังไม่ทราบยอดจำนวนผู้ติดเชื้ออย่างชัดเจน ประกอบกับยังไม่ได้รับการประสานงาน หรือชี้แจงข้อมูลจากทางจนท.ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการ ในประเด็นของความเป็นอยู่ของนร.ตร. ทั้งที่ผู้ปกครองพยายามสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องหลายช่องทาง แต่ไม่ได้รับคำตอบใดใดเลย ด้วยความกังวลเป็นอย่างยิ่ง จึงมีความประสงค์ใคร่ขอให้คณะกรรมการโรคติดต่อจ.ราชบุรี ผู้ที่มีอำนาจในการบริหารจัดการในประเด็นโรคติดเชื้อโควิด-19 ช่วยเร่งดำเนินการใน เพื่อให้ผู้ปกครองได้รับความเป็นธรรมดังนี้ 1.ในกรณีนักเรียนนายสิบพบว่าติดเชื้อ ขอให้เร่งแจ้งผู้ปกครองโดยด่วน และให้นำตัวกลับไปรักษาตามภูมิลำเนาหรือตามความประสงค์ของนักเรียน และผู้ปกครอง, 2.ในกรณีที่นักเรียนนายสิบตำรวจไม่ติดเชื้อ ขอให้แยกนักเรียนกับตัวในสถานที่ ทีาเหมาะสมที่ไม่ใช่อาคารโรงนอน เนื่องจากเป็นแหล่งเพาะเชื้อ และให้แยกนักเรียนดังกล่าว กักตัวในสถานที่ที่เหมาะสมเป็นระยะเวลา 14 วัน หลังจากนั้น ให้ใช้วิธีการตรวจหาเชื้ออีกครั้ง และส่งตัวกลับบ้านทันทีหลังครบกำหนดระยะเวลาแล้ว และ 3.ให้ดำเนินการปิดศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 7 ไพรสะเดาชั่วคราว รวมทั้งดำเนินการฉีดพ่นยาและทำความสะอาดบริเวณโดยรอบ ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปที่ แพทย์หญิงปาจรีย์ อารีย์รบ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี โดยได้เปิดเผยว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางสสจ.ราชบุรี ได้รับรายงานมาว่า ที่ศูนย์ฝึกนร.ตร.ภาค 7 มีผู้ติดเชื้อ182 ราย เป็นนร.ตร. 179 ราย แม่ครัว 3 ราย คิดเป็น 30% ของจำนวนบุคลากรทั้งหมดของศูนย์ฯ จากจำนวนทั้งหมด 594 คน เป็นนร.ตร. 562 คน, ครูฝึก 15 คน, แม่ครัว 14 คน และยาม 3 คน ซึ่งได้รับรายงานเมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยทางครูฝึกได้รับแจ้งว่ามี นร.ตร. มีอาการคล้ายเป็นไข้หวัด ซึ่งทางศูนย์ฝึกมีการเฝ้าระวังอยู่แล้ว จึงได้ทำการตรวจเบื้องต้นด้วยชุดตรวจ ATK ผลเป็นบวก 36 ราย จึงได้ทำการตรวจเพิ่มเติมที่รพ.ปากท่อ ซึ่งในวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ทำการตรวจ RT-PCR ผลเป็นบวก 7 ราย และหลังจากทราบเรื่องในวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา ทางสสจ.ราชบุรี ได้ลงดำเนินการสอบสวนโรคและทำการเก็บตรวจจากกลุ่มเสี่ยงเพิ่มมาอีก 257 ราย ผลออกมาเป็นบวกอีก 116 ราย วันที่ 20 พ.ย. ได้ดำเนินการตรวจต่ออีก 237 ราย ผลบวกอีก 64 ราย ในเบื้องต้นคาดว่าการว่า สาเหตุของการติดเชื้อน่าจะมาจากบุคลากรที่สามารถเข้าออกศูนย์ฝึกได้ ซึ่งในส่วนของนร. และครูฝึก จะไม่สามารถออกไปไหนได้อยู่แล้ว แต่จะมีเด็กบางส่วนที่ลากลับบ้าน ซึ่งจะได้ทำการสอบสวนโรคต่อไป เพื่อหาสาเหตุของการติดเชื้อ ในส่วนของ สสจ.ราชบุรี ได้มีการดำเนินการประสานไปยัง รพ.ปากท่อ ให้นำรถเอ็กซเรย์โมบาย เข้าตรวจสอบบุคลากรทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งวันที้ทางรพ.ปากท่อ และทีมคุณหมอ พยาบาล ได้เข้าไปทำการตรวจและให้ยา ซึ่งทางทีม สสจ.ราชบุรี ได้ประเมินแล้วว่า คงต้องปรับศูนย์ฝึกเป็นรพ.สนามชั่วคราว ส่วนในกรณีที่ผู้ปกครองของนร.ที่ติดเชื้อ ต้องการที่รับบุตรหลานออกไปรักษาด้วยตัวเอง ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามระบบและระเบียบของสาธารณสุข จะนำรถยนต์ส่วนตัวมารับกลับออกไปเองคงไม่ได้ ส่วนของการแยกผู้ติดเชื้อ จะแยกออกเป็นตามระบบความรุนแรงของการติดเชื้อเป็นกลุ่มสีเขียว, สีเหลือง และสีแดง ซึ่งตอนนี้มีนร.ตร.ที่ติดเชื้อในกลุ่มสีเหลืองไม่ถึง 10 คน จึงอยากจะฝากถึงผู้ปกครองทุกท่านว่า เราเข้าใจว่าทุกท่านมีความกังวล แต่ลูกหลานของท่านที่ติดเชื้อได้เข้ารับการรักษาตามกระบวนการของทางสาธารณสุขอยู่แล้ว และการจัดตั้งรพ.สนาม ทางรพ.ปากท่อ ก็มีความพร้อมน่าจะเรียบร้อยในวันพรุ่งนี้ เมื่อไรที่เด็กมีอาการเพิ่มเติม ทางเรามีระบบส่งต่อที่รวดเร็วขอให้ทางผู้ปกครองหายห่วงในเรื่องนี้ได้