สุพรรณบุรี-ประภัตรหาแนวทางผันน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ช่วยเกษตรกร
ภาพ/ข่าว:มงคล สว่างศรี
นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ เล็งผันน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี เติมเข้าเขื่อนกระเสียว ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ช่วยพื้นที่เกษตรกรรม จ.สุพรรณบุรี จำนวน 5 อำเภอ พื้นที่กว่า 5 แสนไร่ เพื่อแก้ไขวิกฤติภัยแล้งอย่างยั่งยืน
นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายภูสิต สมจิตต์ รอง ผวจ.สุพรรณบุรี นายยศดนัย น้อยแก้ว ผอ.โครงการชลประทานสุพรรณบุรี นายดุษฎี พรพระแก้ว หัวหน้าฝ่ายบริหารจัดการน้ำ สำนักงานชลประทานที่ 13 นายสุธี โค้วอุดมประเสริฐ ส.อบจ. เขต 2 อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี นายรุ่งธรรม บ่อเกิด ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาดอนเจดีย์ เจ้าหน้าที่ชลประทาน จ.สุพรรณบุรี และ จ.กาญจนบุรี ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วย เกษตรกร จำนวน 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ด่านช้าง อ.หนองหญ้าไซ อ.เดิมบางนางบวช อ.สามชุก และ อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี กว่า 200 คน ที่ใช้น้ำเขื่อนกระเสียวทำเกษตรกรรม เดินทางดูปริมาณน้ำ ที่น้ำเอ่อ เขื่อนศรีนครินทร์ บ้านเขาโจทย์ ต.เขาโจด อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เพื่อหาแนวทางผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ เข้าเขื่อนกระเสียว อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี
นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าเนื่องจากที่ผ่านมาเกษตรกรที่ใช้น้ำจากเขื่อนกระเสียว ขาดแคลนน้ำประสบปัญหาภัยแล้งติดต่อกัน 3 ปี พื้นที่จำนวนกว่า 5 แสนไร่ ไม่สามารถทำเกษตรกรรมได้ แต่โครงการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ไปยังเขื่อนกระเสียว มีระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามยังมีอุปสรรค เนื่องจากต้องผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ ที่มีความสูงประมาณ 180 เมตรเหนือน้ำทะเล ซึ่งต้องผันน้ำผ่านยอดเขาที่มีความสูง 530 เมตรจากระดับน้ำทะเล โดยต้องสูบน้ำขึ้นที่สูงจากจุดเขื่อนศรีนครินทร์นี้ไปยังยอดเขา ระยะทาง 15 กิโลเมตร จากนั้นระยะทางอีก 55 กม.มวลน้ำก็จะสามารถไหลลงที่ลุ่มตามแรงโน้มถ่วงของโลกไปยังเขื่อนกระเสียวได้ธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้เครื่องสูบ สำหรับเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ์ สามารถกักเก็บน้ำได้เต็มที่จำนวน 25,000 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถนำน้ำไปใช้ได้ 12,000-15,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเขื่อนกระเสียว อ.ด่านช้าง ต้องการน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ ปีละ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อต้องการแก้ไขปัญหาวิกฤตภัยแล้งในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ได้อย่างถาวร
นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยต่อว่าจากการวิเคราะห์ มีความเป็นไปได้ในการผันน้ำ หากมีปริมาณน้ำที่เพียงพอ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายประสานกัน ทั้งด้านเทคนิค และสิ่งแวดล้อม เชื่อว่าโครงการนี้จะแก้ปัญหาเรื่องน้ำได้อย่างถาวร โดยจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลไปศึกษา ขณะนี้ทุกฝ่ายอยู่ระหว่างศึกษาหาแนวทางและสำรวจเส้นทางการผันน้ำ ซึ่งตามแผนจะต้องวางท่อส่งน้ำคู่ขนาดไปตามถนน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับทรัพย์กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ จากการคำนวณเบื้องต้นต้องใช้งบประมาณราว 4,000-5,000 ล้านบาท หากโครงการนี้สำเร็จ จะได้ปริมาณน้ำเพิ่มไปช่วยพื้นที่การเกษตรกรรมได้เพียงพอ เกษตรกรที่ใช้น้ำจากเขื่อนกระเสียว จำนวน 5 อำเภอ ของ จ.สุพรรณบุรี จะสามารถทำเกษตรกรรมได้มากกว่า 5 แสนไร่ และยังเป็นการแก้ไขปัญหาภัยแล้งได้อย่างยั่งยืน ซึ่งจะให้ทุกฝ่ายเร่งศึกษาและสำรวจเส้นทาง เพื่อจะรวมรวมข้อมูลและรายละเอียดของโครงการไปนำเสนอต่อสภาพิจารณาต่อไป
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/