เพชรบุรี-เรือจมที่ทะเลชะอำยังไม่สามารถช่วยผู้ประสบภัยได้

เพชรบุรี-เรือจมที่ทะเลชะอำยังไม่สามารถช่วยผู้ประสบภัยได้

ภาพ/ข่าว:สุรพล  นาคนคร

                  เรือจมที่ทะเลชะอำยังไม่สามารถช่วยผู้ประสบภัยได้เจ้าของเรือตำหนิตำรวจประสานงานช่วยเหลือล่าช้า

                 จากกรณีเหตุเรือ ก.โชคชัยสมบูรณ์ 1 จาก จ.สมุทรสาคร ที่อับปางลงบริเวณทะเลชะอำ จ.เพชรบุรี และมีลูกเรือสูญหายจำนวน 4 รายและรอดชีวิตจำนวน 5 รายตามที่รายงานไปก่อนหน้านี้
                   เบื้องต้นตั้งแต่เวลา 12.00 น.วันที่ 20 ก.พ.ตลอดทั้งวันเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างสรรเพชญธรรมสถาน จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิในเครือสว่าง ฯ พื้นที่ข้างเคียง เจ้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนค่ายนเรศวรชะอำ เจ้าหน้าที่ศรชล (ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ) และ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆกว่า 100 นาย ต่างระดมกำลังเพื่อเตรียมค้นหาแต่เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุอยู่ห่างไกลจากชายฝั่งประมาณ 17 ไมล์ทะเลหรือประมาณ 35 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการเดินทางนานกว่า 3 ชั่วโมงปรากฏว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ชุดกู้ภัยได้เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุก็เป็นระยะเวลาประมาณ 19.30 น.ขณะที่กำลังจะทำการลงดำน้ำค้นหาผู้สูญหายปรากฏว่าได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่เจ้าท่าเพชรบุรีว่ากำลังจะเกิดคลื่นลมแรง ทำให้ชุดทีมกู้ทั้งหมดต้องรีบเดินทางกลับเข้าฝั่งโดยทันที ทำให้วันนี้ไม่สามารถทำการค้นหาผู้สูญหายได้แต่อย่างใด
                  ด้านนายอภิวัฒน์ ทรัพย์มี เจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำสว่างสรรเพชญธรรมสถานชุดกู้ภัยที่เดินทางไปยังที่เกิดเหตุเปิดเผยว่าต้องใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงในการเดินทางจากชายฝั่งถึงที่เกิดเหตุที่บริเวณที่เกิดเหตุพบเพียงคราบน้ำมันขนาดใหญ่ลอยอยู่ แต่ไม่พบส่วนใดของเรือลอยพ้นผิวน้ำคาดว่าบริเวณดังกล่าวจะมีความลึกประมาณกว่า 20 เมตรขณะถึงที่เกิดเหตุพบว่า มีลมแรง และคลื่นสูงขณะที่ทีมชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัยกำลังเตรียม อุปกรณ์เพื่อทำการช่วยเหลือได้รับคำเตือนจากกรมเจ้าท่าว่าจะเกิดพายุลมแรงและคลื่นสูงมีคำสั่งให้ยกเลิกภารกิจและรีบกลับเข้าฝั่งโดยเร็วทำให้วันนี้ไม่สามารถจะทำการค้นหาผู้ประสบภัยได้แต่อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้ช่วงเวลาประมาณ 8.00 น.ทีมกู้ภัยจะเดินทางไปที่จุดเกิดเหตุและลงดำน้ำทำการค้นหาผู้ประสบภัยอีกครั้ง
                   ด้าน น.ส.วราลี สุนทรธงชัย พี่สาวของเจ้าของเรือ ก.โชคชัยสมบูรณ์ 1 ซึ่งประสบเหตุ เปิดเผยว่าเรือ ก.โชคชัยสมบูรณ์ 1 ออกจากท่าเรือที่ ท่าเรือมหาชัย จ. สมุทรสาครเมื่อวันที่ 18 ก.พ. จากนั้นทอดสมอรอผลตรวจเช็ค covid อยู่ที่น่านน้ำทะเลมหาชัย กระทั่งวันที่ 19 ผลการตรวจเช็คผ่าน เรือ ก.โชคชัยสมบูรณ์ 1 ได้แล่น ออกจาก มหาชัย มุ่งหน้าไป ทะเลปราณบุรี จ.ประจวบเพื่อเติมน้ำมันจากเรือบรรทุกน้ำมัน(น้ำมันเขียว) ซึ่งเป็นน้ำมันที่รัฐบาลจำหน่ายให้กับเรือประมงขนาดใหญ่ในเขตต่อเนื่องที่ห่างจากฝั่งในราคาถูก โดยเดินทางมาด้วยกัน 3 ลำ หลังจากที่เติมน้ำมันเสร็จในวันที่ 19 ก.พ. ขณะกำลังเดินทางกลับเพื่อไปทำการประมงที่ทะเลมหาชัยช่วงเวลาประมาณ 5:00 น ของวันที่ 20 ก.พ.ขณะที่เรือทั้ง 3 ลำกำลังแล่นตามกันมาโดยทิ้งช่วงระยะห่างพอสมควร โดยมีเรือ ก.โชคชัยสมบูรณ์ 1 มาเป็นลำดับสุดท้าย เมื่อถึงที่เกิดเหตุเรือลำที่ 2 ซึ่งแล่นล่วงหน้ามาพบเห็นว่าสังเกตว่าไฟส่องสว่างจากเรือ ก.โชคชัยสมบูรณ์ 1 ซึ่งแล่นตามมาได้หายไปประมาณ 8 นาทีจึงวนเรือกลับมาดู แต่ไม่พบเห็นแต่สิ่งของลอยน้ำอยู่ และพบลูกเรือ ก.โชคชัยสมบูรณ์ 1 ลอยคอคออยู่กลางทะเลจำนวน 5 คนจึงรีบช่วยเหลือขึ้นเรือมาโดยลูกเรือเล่าให้ฟังว่าช่วงเวลาดังกล่าวเกิดมีคลื่นขนาดใหญ่กระแทกข้างเรืออย่างรุนแรงทำให้เรือเกิดพลิกค่ำและจมลงโดยทันที จากนั้นไต๋เรือที่ช่วยลูกเรือไว้ได้โทรศัพท์มาแจ้งตนซึ่งเป็นเจ้าของเรือก.โชคชัยสมบูรณ์ 1 ตนได้รีบโทรศัพท์ประสานมาที่ สภ.ชะอำ เมื่อเวลาประมาณ 05:30 น เพื่อขอความช่วยเหลือจากนั้นได้รีบขับรถเดินทางจากมหาชัยมาที่ สภ.ชะอำ และเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เมื่อเวลาประมาณ 9.30 น. โดยแจ้งพิกัดจุดเรือจมที่ได้รับแจ้งมากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจลงบันทึกประจำวันเพียงอย่างเดียวและไม่ได้ให้คำแนะนำว่าตนสมควรติดต่อประสานงานหน่วยงานไหนบ้าง ตนได้นั่งรออยู่ที่หน้าบันไดโรงพักเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมงจึงได้เดินทางมาที่ชายทะเลชะอำบริเวณหน้าวัดเนรัญชราราม ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดที่ปักหมุดเรือจมที่สุดวัดระยะห่างประมาณ 17 ไมล์ทะเลหรือ 35 กิโลเมตร และติดต่อประสานงานไปยังส่วนต่างๆด้วยตนเองกระทั่งเวลาประมาณ 12.00 น. จึงมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างสรรเพชญธรรมสถาน จ.เพชรบุรี ซึ่งเพิ่งได้รับแจ้งเหตุการณ์เข้ามาประสานงานและเริ่มทำการช่วยเหลือโดยมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆระดมกำลังทยอยเข้ามาสมทบ
                 ซึ่งต้นเป็นคนต่างจังหวัดและเป็นผู้หญิงทั้งหมดเดินทางเข้ามาแจ้งความที่ สภ. ชะอำ ต้องการคำแนะนำหรือได้รับการประสานงานเพื่อทำการช่วยเหลือลูกเรือของตนที่จมน้ำและกำลังประสบภัยแต่กลับไม่ได้รับคำแนะนำใดๆจากเจ้าหน้าที่ หากมีการประสานงานทันทีก็อาจจะช่วยเหลือผู้ที่กำลังประสบภัยได้ทันท่วงทีกว่านี้ ทั้งนี้นางสาววดีได้นำบันทึกประจำวัน สภ.ชะอำ ซึ่งมี ร.ต.อ.ปกรณ์เกียรติ ชินเทศ ร้อยเวร สภ.ชะอำเป็นผู้ลงบันทึกโดยระบุเวลาบันทึก 9.30 น.วันที่ 20 ก.พ.มาแสดงให้ผู้สื่อข่าวดูด้วย

                  ” โดยปกติภายในเรือลูกเรือทั้งหมดจะใส่เสื้อชูชีพ หรือมีวางไว้ใกล้ตัวตลอดเวลา ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาเช้ามืดคาดว่าทั้งหมดจะถอดเสื้อชูชีพและนอนพักผ่อนเมื่อเกิดคลื่นกระแทกทำให้เรือพลิกคว่ำโดยฉับพลันอาจทำให้ไม่สามารถคว้าเสื้อชูชีพมาสวมใส่ได้ทันและจมไปกับเรือ อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณทีมกู้ภัยมูลนิธิสว่างสรรเพชญฯ เจ้าที่ศรชล และหน่วยงานต่างๆที่ทยอยเข้ามาให้การช่วยเหลือ วันนี้แม้จะไม่พบผู้ประสบเหตุแต่ตนก็จะยังไม่กลับมหาชัยจะอยู่จนกระทั่งสามารถพบลูกเรือทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่ในสภาพใดก็ตาม ไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับใครอีกหวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการประวานงานการช่วยเหลือและให้คำแนะนำได้รวดเร็วกว่านี้ “ น.ส.วราลี กล่าว

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

CATEGORIES
TAGS
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!