สุพรรณบุรี-หัวหน้างานป้องกันเทศบาลเครียดกลัวติดโควิดยิงตัวตายคารถ
ภาพ/ข่าว:มงคล สว่างศรี
หัวหน้างานป้องกันเทศบาลเครียดกลัวติดโควิดยิงตัวตายคารถ
ที่ จ.สุพรรณบุรี ร.ต.อ.สายฝน หลักเพชร พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตภายในรถที่ริมถนนาลัยแมนสายสุพรรณบุรี-อู่ทอง หมู่ 1 ต.บางกุ้ง จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบไปตรวจสอบพร้อมกำลังฝ่ายสืบสวน แพทย์เวร รพ.ศูนย์เจ้าพระยายมราช และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยร่วมใจสวนแตง ที่เกิดเหตุพบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีเทาทะเบียนป้ายแดง ก 1201 อ่างทอง จอดอยู่ริมไหล่ทาง สภาพรถจอดติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้และประตูถูกล็อก ที่กระหลังด้านซ้ายมีรูถูกยิง 1 รู กระจกแตกภายในรถมีคนเสียชีวิตอยู่ที่เบาะนั่งคนขับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ แพทย์ที่ชันสูตรและทีมกู้ภัยได้สวมชุดพีพีอี และชุดป้องกันก่อนทำการงัดประตูเพื่อตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตเป็นชายร่างอ้วนทราบชื่อนายอนุวัฒน์ จารุสมภพกุล อายุ 41 ปีมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้าที่ขมับขวาทะลุซ้าย 1 นัดบริเวณที่พักเท้ามีอาวุธปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่านายอนุวัฒน์ ผู้เสียชีวิตทำงานเป็นหัวหน้างานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลบางกุ้ง ก่อนหน้านี้ที่สำนักงานเทศบาลบางกุ้งมีพนักงาน ติดเชื้อโควิด ทำให้ผู้เสียชีวิตเกิดความเครียดกลัวตัวเองจะติดเชื้อ ประกอบกับตัวเองเป็นโรคอ้วน จึงได้ก่อนหน้าที่จะก่อนไม่กี่วันผู้เสียชีวิตได้โทรศัพท์คุยกับน้าสาวเพื่อปรึกษาว่าถ้าถูกกักตัวจะขอใช้บ้านพักของน้า แต่ผู้เสียชีวิตไม่เคยบ่นให้ฟังว่าจะก่อเหตุฆ่าตัวตาย กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 30 กรกฎาคม ผู้เสียชีวิตได้ขับรถออกจากบ้านไปทำงานตามปกติและหายตัวไปทางแม่และญาติพยายามโทรศัพท์ติดต่อแต่ผู้เสียชีวิตไม่รับสายจนมาพบว่าเสียชีวิตแล้วส่วนสาเหตุทางญาติเชื่อว่าเกิดจากความเครียดกลัวจะติดเชื้อโควิด เนื่องจากตัวเองเป็นคนอ้วนและเพิ่งจะฉีดวัคซีนไปเพียง 1 เข็มเท่านั้นหากติดเชื้อจะพาไปติดแม่และคนในครอบครัวจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายตัดปัญหา หลังจากชันสูตรอย่างละเอียดแล้วญาติไม่ติดใจสาเหตุการฆ่าตัวตายเนื่องจากผู้เสียชีวิตไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับใคร จากนั้นแพทย์เวรที่ชันสูตรได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิดด้วยวิธีตรวจหาเชื้อแบบด่วน พบว่าผู้เสียชีวิตไม่ได้ติดเชื้อโควิดแต่อย่างใด
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/