เชียงใหม่-ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอฮอด รายงานผลการดำเนินงานควบคุมโรคโควิด-19

ภาพ/ข่าว:ศราวุธ เจิมจันทร์
ขอบคุณข้อมูล:สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่

                  ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอฮอด รายงานผลการดำเนินงานควบคุมโรคโควิด-19 ในพื้นที่จากคลัสเตอร์บ้านวังลุงใหม่ พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 4 ราย และให้เจ้าหน้าที่ติดตามการกักตัวอย่างเข้มงวด

              วันนี้ (21 ส.ค. 64) นายสิทธิ์ วงศ์ม่าน นายอำเภอฮอด ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอฮอด รายงานผลการดำเนินงานควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ในคลัสเตอร์บ้านวังลุงใหม่ หมู่ที่ 10 ตำบลหางดง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ว่า จากการตรวจหาเชื้อฯ ที่ วัดวังลุงใหม่ 215 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง ในการตรวจครั้งที่ 2 ของผู้ติดเชื้อเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 โดยเป็นการเก็บตกกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับคลัสเตอร์ดังกล่าว และการตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลฮอดอีก 3 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ พบผู้ติดเชื้อเพิ่มวันนี้ 4 ราย เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่ได้กักตัวที่บ้าน (Home Quarantine) และขณะนี้ทีมสอบสวนโรคของอำเภอฮอดได้ดำเนินการสอบสวนหาไทม์ไลน์ เพื่อค้นหาและติดตามกลุ่มเสี่ยงมาตรวจหาเชื้อโดยเร่งด่วน และได้ส่งตัวผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษาแล้ว

                 พร้อมกันนี้ยังได้กำชับให้ชุดปฏิบัติการ ป้องกันควบคุมโรคประจำหมู่บ้านทุกหมู่บ้านตรวจคัดกรอง ผู้เดินทางเข้าออกหมู่บ้านอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งแจ้งข่าว-ค้นหา-ติดตาม กลุ่มเสี่ยงสูง/ผู้สัมผัสสถานที่เสี่ยงเข้ารับการตรวจหาเชื้อฯ และติดตามกลุ่มเสี่ยงสูงที่อยู่ระหว่างการกักตัว (Home Quarantine) มาตรวจหาเชื้อ (Swab) ครั้งที่ 2 และให้จัดชุดลาดตระเวนออกตรวจ การปฏิบัติตัวของผู้กักตัวอย่างเข้มงวดด้วย

                นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ทำความสะอาดบ้านผู้ติดเชื้อและสถานที่เสี่ยง ตลอดจนความพร้อมสถานที่กักตัว (Local Quarantine) ณ วัดหลวงฮอด ตำบลฮอด ,วัดพระธาตุเจดีย์น้อย และโรงเรียนฟ้าใส เพื่อให้ผู้ที่รับคำสั่งกักตัวแต่บ้านไม่มีความพร้อม จำนวน 23 คน เพื่อกักตัวจนครบ 14 วัน และเร่งรัดให้ประชาชน กลุ่ม 608 กลุ่มเสี่ยง อาทิ ผู้ที่ขับรถบรรทุกผลผลิตทางการเกษตร อาหารทะเลและรถบรรทุกทราย ในทุกพื้นที่ เร่งลงทะเบียน ฉีดวัคซีน ในเว็บไซต์ “ก๋ำแปงเวียง” โดยเร็วที่สุด

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/