ร้อยเอ็ด-ลงพื้นที่ลุ่มน้ำเตรียมความพร้อมรับมือน้ำหลากฤดูฝนปี 63
ภาพ/ข่าว:คมกฤช พวงศรีเคน,อำนวย ระดาบุตร
ขอบคุณข้อมูล:สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด
ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 6 นำทีมลงพื้นที่ลุ่มน้ำ เตรียมความพร้อมรับมือน้ำหลากฤดูฝนปี 63
วันนี้ (8 มิ.ย. 63) นายศักดิ์ศิริ อยู่สุข ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 6 พร้อมคณะ ลงพื้นที่ประชุมและติดตามการเตรียมความพร้อมรับมือน้ำหลากฤดูฝนปี 2563 ในพื้นที่ลุ่มน้ำยัง ณ ห้องประชุมโครงการชลประทานกาฬสินธุ์ อำเภอเมืองจังหวัดกาฬสินธุ์ และติดตามการขุดลอกตะกอน กำจัดวัชพืช เพื่อเปิดทางน้ำบริเวณสะพานข้ามน้ำลำพะยัง ตำบลคุ้มเก่า อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ ตามนโยบายของ ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน ที่ได้สั่งการให้เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำหลากในฤดูฝนนี้ โดยให้วิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงที่เกิดอุทกภัยซ้ำซากและให้เร่งดำเนินการป้องกันและบรรเทาภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่เสี่ยง
นายศักดิ์ศิริฯ กล่าวว่า ลำน้ำยัง มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาภูพานอำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดร้อยเอ็ด และบางส่วนของจังหวัดยโสธร รวมระยะทาง 225 กิโลเมตร ช่วงต้นลำน้ำยังในเขต จังหวัดกาฬสินธุ์ มีลักษณะกว้างและลาดชันมาก ความจุลำน้ำประมาณ 546 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ส่วนช่วงท้ายก่อนบรรจบกับลำน้ำชีในเขต อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด มีลักษณะแคบลง คดเคี้ยวมีกุดและหนองมาก ความจุลำน้ำประมาณ 206 ลูกบาศก์เมตร/วินาที จึงทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมบริเวณอำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประจำเกือบทุกปี เนื่องจากไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน เมื่อเข้าสู่ ช่วงฤดูแล้งก็มักจะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ เนื่องจากแหล่งเก็บกักน้ำต้นทุนมีไม่เพียงพอ สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำยัง ที่สถานีวัดน้ำ E.54, E.70, และ E.92 ปริมาณน้ำยังอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย ต่ำกว่าตลิ่งเฉลี่ยประมาณ 6-8 เมตร ประกอบกับ อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 8 แห่งในพื้นที่มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย จึงทำให้ยังมีช่องว่างเก็บกักน้ำได้อีกมาก
สำนักงานชลประทานที่ 6 ได้ดำเนินการตามมาตรการเตรียมการรับมือปัญหาอุทกภัยในลุ่มน้ำยังตั้งแต่ต้นน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ ตามมาตรการของกรมชลประทาน โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.) กำหนดพื้นที่ เพื่อทำการวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงเกิดอุทกภัยซ้ำซาก ควบคุมปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์บริหารจัดการน้ำของอ่าง ดำเนินการกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ 2.) กำหนดคน โดยกำหนดผู้รับผิดชอบในพื้นที่ต่างๆ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด 3.) จัดสรรทรัพยากร อาทิ เครื่องสูบน้ำ, รถขุด, Sheet Pile, กระสอบทราย และเครื่องมือต่างๆ ในพื้นที่ให้เพียงพอ และอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา นอกจากนี้ยังได้นำเครื่องจักรเข้าไปเปิดทางน้ำ เพื่อกักเก็บน้ำ-ชะลอน้ำ-หน่วงน้ำให้มากที่สุดตามเกณฑ์ที่จะเป็นไปได้ เพื่อลดผลกระทบในพื้นที่ด้านล่างลำน้ำยัง จำนวน 3 จุด ที่ปตร.บุ่งเบ้า ปตร.กุดปลาเข็ง และปตร.บ้านบาก เพื่อตัดยอดน้ำลงห้วยวังหลวง และแก้มลิง รวมถึงนำเครื่องจักรเข้าไป ขุดลอกตะกอนทรายที่ฝายท่าลาดคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 63 นี้
ทั้งนี้ สำนักงานชลประทานที่ 6 ได้วางแผนเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ก่อนน้ำมา แผนเผชิญเหตุในภาวะฉุกเฉิน และมาตรการฟื้นฟูหลังน้ำลด ทั้งในพื้นที่ต้นน้ำยังไปจนถึงปลายน้ำ เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอุทกภัยในพื้นที่ให้เกิด ผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด รวมทั้งเตรียมพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ และกำลังคน ที่พร้อมจะเข้าไปให้การช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีหากเกิดอุทกภัย
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/