ประจวบคีรีขันธ์-ชาวบ้านร้องสื่อ วัวกินน้ำในแม่น้ำปราณบุรีเกิดตาย คาดว่าโรงงานลักลอบปล่อยน้ำเสีย
ภาพ/ข่าว : พันธุ์พงษ์ โพธิ์จินดา
ร้องสื่อ ชาวบ้านสูบน้ำจากแม่น้ำปราณบุรีขึ้นไปให้วัวกินแล้วเกิดล้ม ตรวจสอบในแม่น้ำพบมีคราบเหมือนคราบน้ำมันสีเหลืองดำลอยอยู่บนเหนือน้ำตลอดแนว เกิดขึ้นมาแล้ว 3 วัน คาดมีการลักลอบแอบปล่อยน้ำเสียในแม่น้ำจนทำให้เกิดน้ำเสีย ประสานหน่วยงานที่รับผิอดชอบลงมาตรวจสอบ
วันที่ 26 ธันวาคม 64 ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากนายสุเนตร เงินลาบรัตนา ผู้ใหญ่บ้าน ม.6 ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบ ว่ามีชาวบ้านสูบน้ำจากแม่น้ำปราณบุรีขึ้นไปให้วัวในคอกกินแล้วเกิดวัวล้มตาย ชาวสวนบางคนสูบน้ำขึ้นไปรดต้นแปลงปลูกกระเพรา เกิดอาการต้นเฉา ใบหงิกงอ ตัดขายไม่ได้ เบื้องต้นเข้าตรวจสอบพบว่าในแม่น้ำปราณบุรีตลอดแนวหลายกิโลเมตรพบว่าในแม่น้ำมีคราบลักษณะเหมือนคราบน้ำมันสีเหลืองดำลอยเป็นทางยาวคาดว่าน่าจะมีการลักลอบปล่อยน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมบางโรง จึงประสาน นายปรีดา สุขใจ นายอำเภอปราณบุรี นางจิรัฎฐ์ ปรานต์ประสิทธิ์ จนท.สิ่งแวดล้อมจังหวัด รุดไปที่บ้านของ น.ส.วาสนา ปานปิ่นทอง ผู้ร้องขอความช่วยเหลือ ให้เข้ามาตรวจสอบ จากการตรวจสอบในแม่น้ำปราณบุรี บริเวณ บ้านคลองอ้อม ซึ่งเป็นจุดที่ชาวบ้านสูบน้ำจากแม่น้ำขึ้นไปให้วัวกินแล้วเกิดวัวซึม ไม่ยอมกินอาหาร ถ่ายท้อง และล้มลง พบว่าในแม่น้ำมีคราบคล้ายน้ำมันเป็นฟิมล์สีเหลืองดำลอยเป็นแนวยาวตลอดสายหลายกิโล ซึ่งก่อนหน้าเพียงหนึ่งวันผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านและได้มีการบันทึกภาพในแม่น้ำว่ามีคราบอะไรไม่ทราบลอยในบนผิวน้ำในแม่น้ำเป็นเป็นระทางยาวและบางแห่งยังพบมีปลาตาย โดยพบว่าเกิดมีคราบเหมือนคราบน้ำมันตั้งแต่สะพานข้ามแม่น้ำปราณบุรี เรื่อยไปจนถึงสะพานท่าข้ามวัดเขาน้อยล่าง และสะพานกำนันซู่ หลายกิโลเมตร
นอกจากนี้เจ้าของวัวยังได้เก็บน้ำในแม่น้ำใส่ขวดไว้ให้เจ้าหน้าที่นำไปตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่ามีลักษณะคราบน้ำมันเลยอยู่บนผิวน้ำ ไม่มีกลิ่นเจ้าหน้าที่จึงได้เก็บเพื่อนำไปตรวจสอบ พร้อมประสาน อุตสาหกรรม และปศุสัตว์ ให้เข้ามาตรวจว่าในแม่น้ำมีโรงงานอุตสาหกรรมบางแห่งมักง่ายแอบ ลักลอบปล่อยน้ำเสียลงสู่แม่น้ำทำให้ในแม่น้ำเกิดเน่าเสีย น.ส.วาสนา เจ้าของวัว เล่าให้ฟังว่า ในแม่น้ำปราณบุรีเหมือนมีคราบน้ำมัน ตนได้ปั๊มน้ำขึ้นไปให้วัวที่เลี้ยงในคอกกินทุกวัน แล้วก็มีอาการซึม ไม่กินหญ้า ถ่ายออกมามีแต่น้ำอย่างเดียวไม่กากออกมาเลยก็เลยโทรศัพท์ให้ผู้ใหญ่บ้านมาดูว่ามันเกิดจากอะไร ซึ่งครั้งแรกเห็นมีคราบลอยอยู่ในแม่น้ำเป็นสีเหมือนน้ำมัน เกิดขึ้นมาได้ 3วันแล้ว ซึ่งก่อนวัวจะล้มตนได้บันทึกภาพไว้พบว่าไม่มีสีน้ำมีแต่คราบน้ำมันปกคุ้มทั้งสายเลย พบมีปลาหลายชนิดลอยคออยู่ขอบๆเหมือนกำลังน็อกน้ำ ส่วนสาเหตุคาดว่าวัวที่เลี้ยงไว้ในคอก ตั้งแต่กินน้ำที่สูบจากแม่น้ำขึ้นมาตั้งแต่เมื่อวาน ตั้งแต่กินไปก็เริ่มซึม ถ่ายอาการแย่ ส่วนตัวอื่นที่ได้กินน้ำก็เริ่มมีอาการไม่กินหญ้าบ้างแล้ว วัวตัวที่ตายเป็นวัวเลี้ยงไว้ในคอกได้กินตัวแรกเพราะว่าไม่ได้ปล่อย ล่ามอยู่ในคอก คาดว่าน่าจะเกิดจากน้ำเพราะปกติวัวแข็งแรงดี วัคซีน และยา ทำครบหมด อยู่ๆก็มาตาย
ด้านนางจิรัฎฐ์ นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ กล่าวว่า พอทราบข่าวก็ได้ไล่ดูตามแม่น้ำ 2-3 จุด เห็นมีคราบสีเหลืองอยู่ในแม่น้ำตรงกลางที่น้ำวิ่งอยู่ สภาพแม่น้ำสีมันไม่เหมือนกันสีที่เห็นสีเข้มกว่า บางช่วงก็จะมีกลิ่นเหม็น บางช่วงก็มีกลิ่นหอมหวาน ก็คงต้องสำรวจตามเส้นทางน้ำซึ่งหลายจุด
และมาดูวัวก็พบว่าวัวหายใจไม่ดี จึงได้ประสานที่ปศุสัตว์จังหวัดให้ประสานปศุสัตว์อำเภอมาตรวจ ในเรื่องของคุณภาพน้ำ ได้ประสานศูนย์สิรินาถราชินีก่อนให้มาช่วยดูให้ และประสานไปที่สิ่งแวดล้อมภาค ทางสิ่งแวดล้อมภาคว่าคงต้องใช้เวลาหลายวันเพราะว่าอยู่ที่ราชบุรี ในส่วนของด้านอุตสาหกรรมก็ไม่แน่ใจว่ามันเกิดจากอะไรก็ประสานในส่วนที่เราเห็นว่ามันกำลังเกิดขึ้นมาในระยะนี้เราก็ประสานหมดเลย สุดท้ายก็คงต้องตามดูว่าจะหาสาเหตุเพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้นมา ซึ่งตอนนี้ก็ยังหาสาเหตุกันอยู่