ปราจีนบุรี-(คืบหน้า)เด็กนักเรียน ป.1 ถูกครูทำโทษวิ่งรอบสนาม 10 รอบเสียชีวิต

ปราจีนบุรี-(คืบหน้า)เด็กนักเรียน ป.1 ถูกครูทำโทษวิ่งรอบสนาม 10 รอบเสียชีวิต

ภาพ-ข่าว:มานิตย์ สนับบุญ/ทองสุข สิงห์พิมพ์

              หลังจาก ชม.ลูกเสือแต่งกายชุดลูกเสือมาโรงเรียนติดเครื่องหมายไม่ครบ จนทำให้ นร.หายใจไม่ออก ทางครูประจำชั้นได้โทรให้แม่เด็กมารับกลับบ้านแต่อาการทรุดลงแม่จึงพาส่ง รพ.กบินทร์บุรี เพราะลูกมีโรคประจำตัวอยู่คือเป็นโรคหอบจนกระทั่งมาเสียชีวิต ขณะสำนักงานการศึกษาเอกชนที่ดูแลโรงเรียนในสังกัดเอกชนกระทรวงศึกษาธิการ จ.ปราจีนบุรี ยังไม่ได้รับรายงานดังกล่าว
            เมื่อเวลา 17.20 น.วันนี้ 19 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายนความคืบหน้าเพิ่มเติม จากกรณี นักเรียนชั้น ป. 1 โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ในอำเภอกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ด.ช.วุฒิภัทร์ เครือโสม หรือ “น้องไนท์” อายุ 7 ขวบ ถูกครูที่โรงเรียนทำโทษ เพราะแต่งกายชุดลูกเสือมาโรงเรียนติดเครื่องหมายไม่ครบ

           ครูได้สั่งทำโทษให้นักเรียนวิ่งรอบสนาม จำนวน 5 รอบ ทำให้เด็กหายใจไม่ออก โรงเรียนจึงได้ประสานให้ผู้ปกครองเดินทางมารับ พร้อมนำส่งไปรักษาตัวที่คลีนิคแพทย์ในพื้นที่ แต่เด็กมีอาการหนักขึ้น จึงให้นำส่งโรงพยาบาลกบินทร์บุรี จนกลางดึกได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล ทางญาตินำศพตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ณ ศาลาการเปรียญ วัดโคกอุดม ต.หนองกี่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เป็นเวลา 3 คืน จะมีการประชุมเพลิง
           ความคืบหน้า เมื่อช่วงเที่ยงผู้สื่อข่าวได้ดินทางไปที่โรงเรียนเจียหมิน ในเขตเทศบาลตำบลกบินทร์ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ได้พบกับนายวิชัย อุ่นสุข ผอ.กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับแจ้งจากครูประจำชั้นว่า ด.ช.วุฒิภัทร์ เครือโสม อายุ 7 ขวบ นักเรียนชั้น ป. 1 เสียชีวิต ซึ่งได้รับแจ้งมาว่าครูมีการสอนกิจกรรมลูกเสือในพฤหัสเมื่อวานนี้ ( 18ก.ค.) และมีการสำรวจเรื่องการแต่งกายของนักเรียน ปรากฎว่าด.ช.วุฒิภัทร์ เครือโสม ขาดอุปกรณ์บางอย่างในการแต่งลูกเสือก็ย้ำเตือน และครูบอกว่าผู้ที่แต่งกายไม่ครบ

         ครูจะมีการทำโทษ โดยมีการให้วิ่งแต่วิ่งระทางที่ไม่กำหนดก็คือว่าเป็นวงกลมในโรงเรียนรอบๆพร้อมด้วยเพื่อนลูกเสือด้วยกัน ทราบว่าครูสั่งให้วิ่ง 10 รอบ แต่เด็กได้ยังไม่ครบ 5 รอบ ความเป็นจริงต้องถามคุณครูที่สอนอีกที ในที่สุดเด็กก็มีการอ่อน เพลีย เหมือนกับจะเป็นลม เพื่อนๆหามคุณครูก็ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและได้แจ้งให้ผู้ปกครองทราบ ตอนนี้ทางโรงเรียนจะหาข้อเท็จจริงทั้งหมด ส่วนทางโรงเรียนจะไม่ตัดภาระอยู่แล้วจะต้องดูแลให้ถึงที่สุด ตอนนี้ทราบว่าศพไปที่วัดแล้ว และได้ครูไปที่วัดให้เคลียทุกอย่างและไปรับฟังทางผู้ปกครองเขาด้วยให้ผู้ปกครองเสนอขึ้นว่า ควรจะต้องฟังข้อเท็จจริงของครูด้วย
           ส่วนนางแววดาว เอื้อเฟื้อ มารดารของเด็ก กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าคุณครูประจำโทรมาว่าลูกอาเจียน และก็ปากซีด ก็โทรให้พ่อเอารถไปรับลูกที่โรงเรียน ปกติน้องเป็นโรคหืดหอบก็ไปพ่นยาก็หายแล้วดีแล้วไม่หอบอะไรแล้ว จากนั้นนำน้องส่ง รพ.กบินทร์บุรี และเสียชีวิตในเวลาเที่ยงคืน ส่วนทางโรงเรียนพึ่งติดต่อมาเมื่อช่วงเช้ามาอาการน้องพ่อเป็นคนคุยและได้แจ้งคุณครูประจำชั้นไปแล้วว่าน้องเสียชีวิตแล้ว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้จากปากลูกว่าโดนทำโทษแต่งกายไม่ครบ เลยถูกทำโทษวิ่ง 5 รอบดังกล่าว

            จากการสอบถามนายวิทวัตร เครือโสม บิดาของเด็ก ยืนดูร่างอันไร้วิญญาณของลูกชายด้วยน้ำตายทั้งสูญเสียลูกชายคนที่สองไป กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าเวลาประมาณ 09.00 น.ทางครูประจำชั้นได้โทรมาหาแม่น้อง หลังจากนั้นไปรับลูกที่หน้าโรงเรียน คุณครูบอกว่าจะเอาออกมาส่งให้ ตอนนั้นน้องบอกว่าไม่ไหวน้องเป็นคนพูดเอง น้องจะพูดเองเพราะน้องเป็นคนกล้าพูดว่าเขาไม่ไหว
           ทางโรงเรียนน่าจะไม่รู้ว่าน้องมีโรคประจำตัว ถ้าถามว่าครูว่าควรจะรู้ไหมน่าจะรู้ควรจะคัดกรองดูว่าเด็กเขาไหวไหมกับกิจกรรมหนักขนาดนี้ ลูกชายถูกครูในโรงเรียนทำโทษให้วิ่งรอบสนามโรงเรียน จำนวน 5 รอบ สาเหตุน้องลืมอุปกรณ์แต่งกายวิชาลูกเสือไม่ครบ จนทำให้ลูกหายใจไม่ออกทางครูประจำชั้นได้โทรให้แม่เด็กมารับกลับบ้านแต่อาการทรุดลงแม่จึงพาส่ง รพ.กบินทร์บุรี เพราะลูกมีโรคประจำตัวอยู่คือเป็นโรคหอบจนกระทั่งมาเสียชีวิตเมื่อกลางดึกของวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ผมอยากฝากทางโรงเรียนมันเป็นบทเรียนที่จะสอบถามนักเรียนในโรงเรียนว่าเด็กแต่ละคนมีโรคประจำตัวอะไรบ้าง และทางผอ.ได้มอบหมายให้คณะครูและครูประจำชั้นนำพวงหรีดไปเคารพศพ

            โดยคุณครูสาวท่านใดขอสงวนชื่อนามสกุลซึ่งเป็นคุณครูประจำชั้นปฏิเสธให้สัมภาษณ์ แต่ขอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังเพียงเท่านั้น ช่วงวันเกิดเหตุเด็กแต่งตัวติดเครื่องหมายชุดลูกเสือไม่ครบ จึงได้ทำโทษลงไประหว่างทำโทษเด็กจึงรู้ว่าเด็กมีอาการผิดปกติ จึงทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและติดต่อผู้ปกครองให้มารับตัวกลับบ้าน และไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับเด็กนักเรียน ซึ่งทางคณะครู รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองในฐานะที่เป็นคุณครูประจำชั้นก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

          ผู้สื่อข่าวได้ถามผู้ปกครองถึงเรื่องแจ้งความดำเนินคดีหรือไม่ ผู้ปกครองบอกว่ายังทำอะไรไม่ถูกขอปรึกษาหารือกันก่อน

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!