นครศรีธรรมราช-องคมนตรี ลงพื้นที่ติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ภาพ/ข่าว:วรรคเดช ชำนาญกิจ
วันนี้(26 มกราคม 2565) เวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคใต้ และพลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี รองประธานฯ พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ เพิ่มเกษร รองเลขาธิการ กปร. และคณะอนุกรรมการฯ เดินทางลงพื้นที่โครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านกรุงหยัน หมู่ที่ 2 ตำบลกรุงหยัน อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามผลการดำเนินงานโครงการฯ โดยมีนายไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช นายสมพงษ์ มากมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารกรมชลประทาน ผู้แทนหน่วยงานสังกัดกรมชลประทาน นายอำเภอ และหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับและรายงานผลการปฏิบัติงาน
โอกาสนี้ องคมนตรี และคณะ ได้รับฟังบรรยายสรุป ติดตามผลการดำเนินงาน และตรวจเยี่ยมการดำเนินงานในโครงการฯ ทั้งในส่วนของโครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งเป็นโครงการเพื่อการบริหารจัดการน้ำให้กับพื้นที่เพาะปลูกในเขตอำเภอทุ่งใหญ่ และด้านการปศุสัตว์ โดยการก่อสร้างเป็นเขื่อนดินประเภททำนบดินแบ่งโซน (Zone Type) เพื่อปิดกั้นลำคลองสังข์ สามารถเก็บกักน้ำที่ระดับเก็บกัก 36.57 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเมื่อโครงการฯ แล้วเสร็จก็จะสามารถส่งน้ำสนับสนุนการอุปโภค-บริโภคให้แก่ราษฎรบ้านกรุงหยัน หมู่ที่ 2 บ้านหมู่บ้านป่าไม้ หมู่ที่ 4 บ้านป่าคลองกรุงหยัน หมู่ที่ 5 บ้านถ้ำเพดาน หมู่ที่ 7 และบ้านบ่อปลา หมู่ที่ 8 ตำบลกรุงหยัน อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ประมาณ 1,887 ครัวเรือน ราษฎร 6,123 คน และพื้นที่การเกษตร ประมาณ 22,000 ไร่ โดยโครงการดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการทำความเข้าใจกับราษฎรในพื้นที่ก่อสร้าง อีกจำนวน 29 ราย ซึ่งยังมีปัญหาเรื่องการจัดหาที่อยู่ใหม่ เบื้องต้นองคมนตรีได้กำชับให้มีการบูรณาการความร่วมมือเพื่อคลี่คลายปัญหา ในส่วนของกิจกรรมที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จให้เร่งดำเนินโครงการให้เป็นรูปธรรม ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์เพื่อเร่งสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนถึงประโยชน์ของโครงการฯ ที่จะได้รับ โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย ก่อนที่องคมนตรีและคณะ จะได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อดูสภาพพื้นที่ของโครงการฯ พร้อมกับพบปะเยี่ยมเยียนราษฎร เพื่อรับทราบปัญหาอุปสรรค และแนวทางการพัฒนาต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
จากนั้น องคมนตรีและคณะ ได้เดินทางต่อไปยังโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามผลการดำเนินงานโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และการบริหารจัดการน้ำโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ การนี้ ได้รับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานโครงการฯ ณ บริเวณประตูระบายน้ำคลองท่าเรือ – หัวตรุด (กม. 9+200) พร้อมกับดูสภาพพื้นที่โครงการฯ และพบปะเยี่ยมเยียนราษฎร สำหรับโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นการขุดคลองระบายน้ำจำนวน 3 สาย ความยาวประมาณ 18.64 กิโลเมตร พร้อมกับงานก่อสร้างประตูระบายน้ำ งานขุดเพิ่มประสิทธิภาพคลองวังวัว, คลองท่าเรือ-หัวตรุด และก่อสร้างประตูระบายน้ำเพื่อควบคุมปริมาณน้ำ จำนวน 7 แห่ง เพื่อให้สามารถบรรเทาอุทกภัยในเขตเมืองนครศรีธรรมราช และลดพื้นที่น้ำท่วมได้ประมาณร้อยละ 90 ครอบคลุมพื้นที่ 12 ตำบล ในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งจะมีจำนวนครัวเรือนที่ได้รับประโยชน์รวม 32,253 ครัวเรือน อีกทั้ง ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำเลี่ยงเมือง โดยมีพื้นที่รับประโยชน์ 2 ฝั่งคลอง จำนวน 17,400 ไร่ และสามารถกักเก็บน้ำต้นทุนไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภคและการเกษตรในฤดูแล้งได้ถึง 5.5 ล้านลูกบาศก์เมตร สภาพโครงการมีทั้งงานที่ดำเนินการโดยกรมชลประทานเอง และงานจ้างเหมา โดยงานที่ดำเนินการเอง งานก่อสร้างประตูระบายน้ำคลองท่าเรือ-หัวตรุด กม.0+215 มีผลงานความก้าวหน้าร้อยละ 96.05 งานก่อสร้างประตูระบายน้ำคลองท่าเรือ-หัวตรุด กม.9+200 มีผลความก้าวหน้าร้อยละ 95.97 และงานเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำคลองท่าเรือ-หัวตรุด มีผลงานความก้าวหน้าร้อยละ 40.89 ขณะที่งานก่อสร้างที่เป็นการจ้างเหมาทั้งงานก่อสร้างคลองระบายน้ำสาย 3 พร้อมอาคารประกอบ ทั้ง 5 งานจ้าง มีผลการดำเนินงานทั้งโครงการฯ คิดเป็นร้อยละ 15.02 มีความล่าช้ากว่าแผนงานที่ได้กำหนดไว้ โอกาสนี้องคมนตรี กล่าวว่าโครงการดังกล่าวมีความสำคัญเพื่อสามารถปัญหาอุทกภัย ภัยแล้งและปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ ผู้เกี่ยวข้องต้องเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการโครงการ เร่งพูดคุยเพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เพื่อให้โครงการฯ เกิดประสิทธิภาพ และสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนในพื้นที่