กาญจนบุรี-จัดแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง
ภาพ/ข่าว:ต๊ะ เมืองกาญจน์
จัดแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยในการจับกุม “ยุ ดงสัก” ผู้ลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย พร้อมแรงงานเมียนมา 11 ราย
วันที่ 1 กรกฏาคม 2564 พลตำรวจตรีวรณัน สุขเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวการจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเมื่อสองวันที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่ามีแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยใช้วิธีลงเรือล่องมาตามน้ำก่อนที่จะขึ้นฝั่งบริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ หมู่ที่ 4 ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จึงไปซุ่มตรวจและจับกุมแรงงานได้ 11 คน เป็นแรงงานเมียนมาทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบผู้นำพา 1 คน ชื่อ นายอู ไม่มีนามสกุล มีบัตรประจำตัวบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย(บัตรสีชมพู) ขึ้นต้นรหัส 6 จึงได้สอบสวนขยายผล พร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐาน ไปยังผู้นำพาอีก 1 คน ซึ่งเป็นผู้ขับเรือพาแรงงานต่างด้าวมาขึ้นฝั่ง และขออำนาจศาลจังหวัดทองผาภูมิออกหมายจับนายยุ ปุณยาจิตสกุล อายุ 35 ปี หรือ “ยุ ดงสัก” ในความผิดฐานช่วยเหลือซ่อนเร้นด้วยประการใดๆ ให้บุคคลต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม จากการสอบสวนนายยุ ยังให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่มีหลักฐานครบถ้วน และเตรียมขยายผลไปยังเครือข่ายก่อนหน้าที่นำพาแรงงานต่างด้าวมาส่งให้นายยุ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวด้วยว่าจากการสนธิกำลังกันทำงานระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และสาธารณสุข เอาจริงเอาจังในการปราบปรามขบวนการลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้าเมือง ส่งผลให้จำนวนการลักลอบกระทำความผิดลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยช่วงต้นปีเจ้าหน้าที่ยังจับกุมแรงงานต่างด้าวได้ตามเส้นทางถนนสาย 323 แต่ปัจจุบันขบวนการดังกล่าวใช้เส้นทางธรรมชาติ โดยเฉพาะทางเรือ เพื่อเลี่ยงด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ผู้นำพายังมีวิธีการหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่โดยให้แรงงานสวมใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าของตนเองขณะนั่งเรือ และก้มตัวลงต่ำ เมื่อใกล้ถึงฝั่งจะดับเครื่องและใช้วิธีพายเรือขึ้นฝั่งแทน ขณะที่พันตำรวจเอกพงษกร อุปพงษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี รักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองยังได้ร่วมกันกุมเครือข่ายลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวหนีเข้าเมือง ได้ 2 คน และวันที่ 5 มิถุนายน จับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองได้ 16 คน และขยายผลจับกุมผู้นำพา คือนายมะเวง หรือนายวิน ไม่มีนามสกุลอีก 1 คน
สำหรับอำเภอสังขละบุรีใช้วิธีการแก้ปัญหาลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าเมือง ตามข้อสั่งการของผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีในฐานะประธานศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้านเมียนมา จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการจับกุมแรงงานต่างด้าว 4 กรณี กรณีแรก พบเห็นแรงงานต่างด้าวอยู่บริเวณสันแดน ให้เจรจาและไม่อนุญาตให้ข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย กรณีที่ 2 พบเห็นแรงงานต่างด้าวบริเวณชายแดนซึ่งอาจจะข้ามสันแดนมาแล้วระยะไม่เกิน 1-2 กิโลเมตร ยังไม่ถึงพื้นที่หมู่บ้านหรือชุมชน จะดำเนินการคัดกรองโรคในเบื้องต้นและส่งตัวไปยังศูนย์ผลักดันส่งกลับผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของอำเภอสังขละบุรี ตั้งอยู่ที่ศูนย์แสดงสินค้าชายแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอสังขละบุรีที่ 4 ส่วนแยกพระเจดีย์ ก่อนที่จะพูดคุยและนำผู้ข้ามแดนผิดกฎหมายกลับสู่ประเทศต้นทาง กรณีที่ 3 หากเจอในชุมชนหรือหมู่บ้านที่เริ่มสัมผัสใกล้ชิดกับคนไทย จะต้องจับกุมดำเนินคดีทางกฎหมาย โดยไม่นำแรงงานกลุ่มนี้มาที่สถานีตำรวจภูธรสังขละบุรีเพื่อป้องกันประชาชนที่มาใช้บริการอาจติดเชื้อโควิด-19 แต่จะนำไปควบคุมตัวไว้ที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 134 และให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสังขละบุรีไปตรวจเชื้อโควิด-19 เมื่อผลตรวจออกภายในระยะเวลา 2 วัน หากไม่พบเชื้อโควิด-19 จะส่งตัวไปยังสถานที่กักกันรูปแบบเฉพาะองค์กร (Organizational Quarantine) ที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 136 ต่อไป กรณีที่ 4 หากจับได้พร้อมผู้นำพาไม่ว่าจะบริเวณใดก็ตามจะต้องถูกดำเนินคดีทุกรายโดยไม่มีการเจรจา
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ประเทศเมียนมา พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 ราย ที่กิ่งอำเภอพญาตองซู ซึ่งมีเขตติดต่อกับอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี และพบคลัสเตอร์การระบาดของโรคที่อำเภอจาอินเส้กจี จังหวัดกอกาเลก รัฐกะเหรี่ยง จำนวน 9 ราย ซึ่งระยะห่างของไทยเรากว่า 100 กิโลเมตร