รมช.เกษตรฯ ตรวจติดตามมาตรการส่งออกผลไม้ทางเรือ ในฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออกปี 2565
ภาพ/ข่าว:นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยคณะผู้บริการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจติดตามมาตรการส่งออกผลไม้ทางเรือ ในฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออก ปี 2565 ณ ด่านศุลกากร ท่าเรือแหลมฉบัง
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 29 มีนาคม 2565 นางสาว มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร นายภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร และคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจและติดตามมาตรการ การส่งออกผลไม้ทางเรือ ในฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออกปี 2565 โดยประชุมรับฟังรายงานการปฏิบัติงานของด่านตรวจพืชท่าเรือแหลมฉบัง ด่านศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ณ ด่านศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จากนั้นเดินทางเยี่ยมชมการปฏิบัติงานตรวจสอบการนำเข้าสินค้าเกษตร ณ ศูนย์เอ็กซเรย์สินค้า ด่านศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ก่อนเดินทางตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานตรวจสอบสินค้าเกษตร เพื่อออกใบรับรองสุขอนามัยพืช ณ ด่านตรวจพืชท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ก่อนเข้าสู่ฤดูกาลส่งออกผลไม้ภาคตะวันออกในปี 2565 นี้ ได้สั่งการให้กรมวิชาการเกษตร เตรียมความพร้อมสำหรับการตรวจสอบ และตรวจรับรองสินค้า ภายใต้มาตรการควบคุมเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (Covid-19) ตั้งแต่การเก็บเกี่ยวที่สวน การคัดบรรจุ ตลอดจนการส่งออก ซึ่งต้องอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ เพื่อขอใบรับรองสุขอนามัยพืช (Phyto certificate)โดยกรมวิชาการเกษตรได้นำระบบขอใบรับรองสุขอนามัยพืชแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e Phyto Certificate) มาใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 โดยนำร่องระบบใช้กับผลไม้ 22 ชนิดไปจีน เพื่อรองรับฤดูกาลส่งออกผลไม้ภาคตะวันออก เป็นการสร้างความมั่นใจในการผลิตสินค้าคุณภาพ ที่มาจากแปลงเกษตรที่ได้รับรองมาตรฐานการผลิตที่ดี สามารถตรวจสอบย้อนกลับ และสร้างความน่าเชื่อถือให้ประเทศผู้นำเข้าได้ รวมทั้งยังเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ โดยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นมา มีการส่งออกผลไม้จากไทยไปจีน มีจำนวน ประมาณ 6,238 ชิปเมนท์ ปริมาณ 177,522.78 ตัน มูลค่าประมาณ 3,390 ล้านบาท โดยเป็นการส่งออกทางเรือ ประมาณ 62% ทางบก 26% และทางอากาศ 12%
นอกจากนี้ นางสาว มนัญญา ยังได้ติดตามการทำงานของด่านตรวจพืชท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยได้มอบนโยบายและเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ของด่านตรวจพืช ปฏิบัติตามเงื่อนไขกฎระเบียบ ประกาศ และกฎหมายที่กรมวิชาการเกษตรกำกับดูแลอย่างเข้มงวด ตามคู่มือมาตรฐานการปฏิบัติงานของด่านตรวจพืช ให้ชัดเจน ครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การขออนุญาต การตรวจสอบสินค้า การตรวจปล่อยร่วมกับหน่วยงานศุลกากรในพื้นที่ รวมถึงการเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้า เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงศัตรูพืชที่อาจจะติดมากับสินค้านำเข้าแพร่กระจายและทำความเสียหายกับแปลงผักผลไม้ แปลงเกษตรไทย หรือผลผลิตทางการเกษตร ศัตรูพืชที่สำคัญ เช่น ด้วงอิฐ ซึ่งได้เน้นย้ำให้ด่านตรวจพืชทุกด่านต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ไม่ให้ปนเปื้อนมากับกลุ่มสินค้าธัญพืช เช่น กากถั่วเหลือง ถั่วเหลือง จากประเทศที่มีกลุ่มเสี่ยง ด้านนายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ด่านตรวจพืชท่าเรือแหลมฉบัง เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ควบคุมการนำเข้าพืช ผลผลิตพืช ปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ตรวจสอบและออกใบรับรองสุขอนามัยพืช (Phyto Certificate) เพื่อรับรองการปลอดโรคแมลง ศัตรูพืช สำหรับสินค้าส่งออก ตามเงื่อนไขประเทศปลายทาง เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและเงื่อนไข ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย จำนวน 4 ฉบับ ได้แก่ 1. พระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ.2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 2. พระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ.2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 3. พระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ.2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 4. พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยในปี 2564 มีการออกใบรับรองสุขอนามัย จำนวนทั้งสิ้น 66,166 ฉบับ สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ทุเรียน ลำไยสดและอบแห้ง ทุเรียนแช่แข็ง เป็นต้น สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เมล็ดถั่วเหลืองและกากถั่วเหลือง ข้าวสาลี แอปเปิ้ล ข้าวบาร์เลย์เพื่อผลิตอาหารสัตว์ เป็นต้น