กาญจนบุรี-ตำรวจวิสามัญ โมท ดาวดำ เอเย่นต์ค้ายาบ้ารายใหญ่
ภาพ/ข่าว:ต๊ะ เมืองกาญจน์
ตำรวจวิสามัญ โมท ดาวดำ เอเย่นต์ค้ายาบ้ารายใหญ่ ที่ต.พังตรุ อ.ท่าม่วง หลังจากดวลปืนกับตำรวจ กระสุนเจาะศรีษะก่อนรถเสียหลักตกลงน้ำ
วันที่ 17 สิงหาคม 2564 เมื่อเวลา 14.10 นาที ร้อยตำรวจเอกสมยศ นิสสัยดี รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรสำรอง รับแจ้งเหตุยิงกันและมีรถตกลงไปในคลองชลประทาน เหตุเกิดบริเวณถนนเลียบริมคลองชลประทาน พื้นที่หมู่ 8 ตำบลพังตรุ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงได้รายงานให้
พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ เอกเผ่าพันธุ์ ผู้บังคับบัญชา ทราบพร้อมประสานเจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำมูลนิธิขุนรัตนาวุธ เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ในที่เกิดเหตุพบชาวบ้านนับร้อยคนกำลังยืนมุมดูเหตุการณ์กันอยู่ด้วยความตื่นเต้น โดยบนถนนยังพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีขาว หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ก-4321 นครปฐมจอดอยู่ ในสภาพรถด้านหน้ามีร่องรอยการชนชนพังเสียหาย ขณะที่ด้านท้ายรถมีรอยรูกระสุนปืนอยู่ที่กระจกหลังเป็นจำนวนมาก สอบถามทราบว่า รถเก๋งคันดังกล่าว เป็นรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด สถานีตำรวจภูธรบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ซึ่งได้ทำการขยายผลการจับกุมยาเสพติด มายังบ้านของเอเย่นค้ายาบ้ารายใหญ่ในเขตอำเภอท่าม่วง ส่วนรถที่ตกลงไปในคลองชลประทานนั้น เป็นรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สี่ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน กพ 7432 กาญจนบุรี ซึ่งเป็นรถของนายชัยวิทย์ สิริอธิพร หรือ โมทย์ อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นเอเย่นค้ายาบ้ารายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีและราชบุรี
พันตำรวจเอกปิยะพงษ์ วงค์เกตุใจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านโป่ง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดของสถานีตำรวจภูธรบ้านโป่ง ได้สืบสวนขยายผลการจับกุมผู้เสพยาเสพติดและผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยในพื้นที่อำเภอบ้านโป่ง จนได้สืบทราบถึงพฤติกรรมของนายชัยวิทย์ หรือ โมทย์ ดาวดำ ที่ทำตัวเป็นเอเย่นผู้จำหน่ายยาบ้ารายใหญ่ให้กับผู้ค้ารายย่อยในเขตพื้นที่อำเภอบ้านโป่งจังหวัดราชบุรีและอีกหลายอำเภอในจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการขยายผลการจับกุมมายังบ้านของนายโมทย์ ในพื้นที่ตำบลพังตรุ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุ พบรถยนต์กระบะของนายโมทย์ขับออกมาจากไร่ จึงได้พยายามเรียกให้จอดรถเพื่อจะได้เข้าทำการตรวจค้น แต่เมื่อนายโมทย์เห็นรถของตำรวจ ได้ใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมาในรถ ยิงเข้าใส่รถของตำรวจจำนวน 3 นัด ก่อนพยายามขับรถพุ่งชนเพื่อจะหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดที่อยู่ภายในรถ จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงสวนไปหลายนัด ก่อนที่รถของนายโมทย์ จะเสียหลักตกลงไปในคลองชลประทานบริเวณจุดเกิดเหตุดังกล่าว
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำของมูลนิธิขุนรัตนาวุธ ได้ดำน้ำลงไปใช้ลวดสลิงผูกติดกับท้ายรถยนต์กระบะของนายโมทย์ที่จมอยู่ก้นคลองชลประทานแล้วใช้รถลากพยายามดึงรถของนายโมทย์ขึ้นมาจากน้ำ โดยระหว่างที่รถของนายมอดกำลังขึ้นจากน้ำพบว่ามีถุงพลาสติกกระสอบถุงปุ๋ยหลายถุงลอยออกมาจากรถ อาสาสมัครชุดประดาน้ำจึงได้ว่ายเข้าไปเก็บถุงต่างๆที่ลอยออกมาจากรถขึ้นมาบนบกให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ พบว่าภายในกล่องพลาสติกสีดำ มียาบ้าบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกถุงละ 100 เม็ดซุกซ่อนอยู่จำนวน 3 ถุง รวม 300 เม็ด และยังพบอุปกรณ์การเสพยาอีกจำนวนมากอยู่ภายในถุงปุ๋ยด้วย ขณะที่ เมื่อนำรถของนายโมทย์ขึ้นจากน้ำได้สำเร็จ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบสภาพโดยรอบรถ พบร่องรอยกระสุนเข้าที่บริเวณกระจกหน้าบริเวณที่นั่งฝั่งคนขับจำนวน 1 นัด รูกระสุนเจาะเข้าที่บริเวณประตูหน้าฝั่งผู้โดยสารด้านซ้ายจำนวน 1 นัด ประตูหลังฝั่งผู้โดยสารด้านซ้ายจำนวน 3 นัด และยังพบร่องรอยการยิงปืนออกมาจากภายในรถทะลุกระจกหลังด้านผู้โดยสารเป็นรูขนาดใหญ่อีกด้วย ขณะที่ เมื่อเข้าไปตรวจสอบภายในรถ พบร่างของนายโมทย์ นั่งเสียชีวิตติดอยู่บริเวณเบาะคนขับ เจ้าหน้าที่จึงนำร่างของนายโมทย์ออกมาจากรถ เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตร เบื้องต้นพบร่องรอยบาดแผลถูกกระสุนปืนเข้าที่บริเวณกลางกะโหลกศีรษะจำนวน 1 นัด คาดว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้นายโมทย์เสียชีวิตทันที ขณะที่เมื่อตรวจสอบภายในรถ ยังพบอาวุธปืนแบบลูกโม่จำนวน 1 กระบอก และอาวุธปืนแบบ automatic อีกจำนวน 1 กระบอกตกอยู่ใกล้กับร่างของนายโมทย์ ส่วนที่เบาะด้านหลังพบถุงบรรจุยาเสพติดจำนวนเกือบ 20,000 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน และรอให้เจ้าหน้าที่อัยการจังหวัด นายอำเภอท่าม่วง แพทย์ และผู้แทนฝ่ายตำรวจเข้าตรวจสอบพร้อมกันอีกครั้งหนึ่ง
พลตำรวจตรีไพโรจน์ คุ้มภัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้รับมา พบว่านายโมทย์ มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและเป็นเอเย่นค้ายาบ้ารายใหญ่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวจริง เมื่อสอบถามจากพ่อของนายโมทย์ ทำให้ทราบว่า นายโมทย์ไม่ค่อยจะอยู่บ้าน และไปไหนมาไหนไม่เคยบอกให้ตนเองทราบ นานๆครั้งก็จะขับรถกลับมานอนที่บ้าน ซึ่งจากการพยายามเข้าขยายผลจับกุมตัวนายโมทย์ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ขยายผลไปทำการจับกุม ลูกน้องของนายโมทย์อีก 1 คน ที่รับหน้าที่เฝ้าไร่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเล็กน้อย โดยจากการตรวจค้นภายในไร่ยังพบอาวุธปืนอีกจำนวนหนึ่งกระบอกด้วย หลังจากนี้ก็จะได้มีการสืบสวนขยายผลเพื่อดูว่า ยังมีเครือข่ายของนายโมทย์อยู่ในพื้นที่อีกจำนวนเท่าใด รวมถึงตรวจสอบที่มาของทรัพย์สินจำนวนมากของนายโมทย์ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดหรือไม่ หากพบว่าเกี่ยวข้องก็จะได้ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการยึดทรัพย์ตามกฎหมายต่อไป