สมุทรปราการ-ชายวัย 42 ปั่นจักรยานไหว้ ศาลหลักเมืองทั่วประเทศ (77 จังหวัด) ถวายเป็นพระราชกุศล ร.9
ภาพ/ข่าวซสุรศักดิ์ / อัญมณี คงสินธ์
ชายวัย 42 ปั่นจักรยานไหว้ ศาลหลักเมืองทั่วประเทศ (77 จังหวัด) ถวายเป็นพระราชกุศล ร.9
เมื่อเวลา 21.00 วันที่ 29 กันยายน 2565 ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ ต.ปากน้ำ อ.เมือง สมุทรปราการ ผู้สื่อข่าวได้พบนายองค์อาจ ดวงแย้ม อายุ 42 ปี (เบอร์โทร 0820179468) ชาวสมุทรสงคราม ได้ปั่นจักรยานมาจอดที่บริเวณหน้าโรงพัก เพื่อขอเจ้าหน้าที่ตำรวจพักอาศัยบริเวณหน้าโรงพัก เนื่องจากมืดแล้ว โดยแจ้งว่าในช่วงเช้าจะปั่นรถจักรยานไปที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ที่ตั้งอยู่ภายในตลาดปากน้ำ เพื่อไหว้สักการะ และนำผ้าที่มีข้อความว่า รักพ่อหลวง ร.9 ร.10 ปั่นจักรยานทั่วไทย 2 แผ่นดิน ไหว้ศาลหลักเมือง 77 จังหวัด ส่วนที่จังหวัดสมุทรปราการที่ผ้าจะมีคำว่า “สมุทรปราการ”ไปผูกที่ศาลหลักเมืองเพื่อเป็นการสักการบูชา นายองค์อาจ กล่าวว่า ตนตั้งใจไว้เมื่อหลายปีก่อน คือการเดินทางไหว้ศาลหลักเมืองทั่วประเทศเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในหลวง รัชกาลที่ 9 มันเป็นความตั้งใจ ว่าจะเดินทางให้ครบ 77 จังหวัด จึงได้เริ่มต้นไหว้ศาลหลักเมืองทั่วประเทศ และนำผ้าไปผูกสักการะ โดยผ้าหนึ่งผืนก็จะเป็น 1 ชื่อ 1 จังหวัด โดยการเดินทางของตนก็จะไม่มีการเรี่ยไร ไม่มีการขอบริจาค ค่ำไหนก็จะนอนนั่น ไม่ว่าจะเป็นตำรวจทางหลวง แขวงการทาง หรือตามโรงพักที่เขาอนุญาตพอให้เราพักได้ เพราะบางที่เราไม่สามารถที่จะพักได้ เนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ แต่บางที่เราก็ขอพื้นที่ให้เรามีปลอดภัยบ้างแค่นั้นเอง และที่สำคัญตนต้องประหยัดให้ได้มากที่สุด เพราะมันมีค่าใช้จ่าย ค่าที่พักจึงต้องอาศัยตรงนี้เอา ส่วนวัดจะไม่ค่อยเข้าพัก เพื่อตัดปัญหาเรื่องของหาย และอีกอย่างตนมาเพียงคนเดียว การเดินทางก็จะปั่นไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็พัก ค่ำไหนนอนที่นั่น โดยเริ่มปั่นจักรยานมาจากจังหวัดมุกดาหาร เนื่องจากปีนี้ตนได้ไปทำงานที่มุกดาหาร และเริ่มออกปั่นมาเมื่อวันที่ 9 เดือน 9 ปั่นไปมาแล้ว 16 จังหวัด สมุทรปราการ นี้เป็นจังหวัดที่ 17 ในการเดินทาง ตอนนี้ก็เดินทางมาแล้ว 1,600 กว่ากิโล ตนคิดว่าน่าจะปั่นครบทุกจังหวัดในเดือน ธันวาคมที่จะถึงนี้
และในวันที่ 13 ตุลาคม เห็นว่าทางกรุงเทพฯ เขาจะมีจัดงานปั่นน้อมรำลึกถึงพ่อหลวง รัชกาลที่ 9 ตอนแรกตนว่าจะลงใต้ แต่จะเปลี่ยนแผนเป็นปั่นเก็บภาคกลางตอนในก่อน แล้วค่อยย้อนกลับมา กรุงเทพฯ วันที่ 13 ตุลาคม น่าจะเป็นที่วัดพระแก้ว ท้องสนามหลวง แล้วพอจบงานก็จะปั่นลงใต้เลย เพราะถ้าปั่นลงใต้แล้วตนปั่นกลับมาไม่ทันแน่ ในส่วนของช่วงนี้ที่เจอพายุเข้า ตนก็ไม่กลัว เพราะตนก็เจอมาแล้ว ทั้งลุยน้ำ ลุยฝน ลุยน้ำท่วมที่ระยอง ก็เจอบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ตนก็พร้อมลุย เพราะจริง ๆ แล้ว ฝนฟ้าตนถือว่าเป็นน้ำมนต์จากเบื้องบน อุปสรรคพวกนี้เราต้องเจอ ถ้าเราอยากจะทำตามความฝันของเรา ก็คือขอได้ทำเพื่อพระองค์ท่าน แต่สิ่งหนึ่งก็อยากจะบอกว่า ตนมาปั่นคนเดียวไม่มีการเรี่ยไร ไม่มีการของบริจาค แต่ขอเพียงแค่ว่าพื้นที่ให้ตนได้พักได้ปลอดภัยเท่านั้น จะเป็นตรงไหนก็ได้ขอแค่ให้ได้ปลอดภัย และก็ขอขอบคุณทุกคนที่มีน้ำจิตน้ำใจให้ข้าว ให้น้ำ เขามีหยิบยื่นให้ แต่ถ้าเป็นเงินหรือของอะไรก็แล้วแต่ที่เขาหยิบยื่นให้ ก็จะบอกทุกคนว่าไม่มีการเรี่ยไร และตนก็ชัดเจนในการทำตั้งแต่ตอนที่พระองค์ท่านยังไม่สิ้น จนมาปัจจุบันก็ประมาณ 6 ปี ก็ทุกปีก็จะปั่น แต่ก็คือปีนี้อาจจะขอทำครั้งสุดท้าย เผื่อตนเองไม่มีโอกาสได้ทำ เพราะอยากทำตามความฝันของตนเอง คืออยากจะเดินทางให้ครบ 77 จังหวัด แต่ครั้งนี้ก็พิเศษโดยที่ว่าครั้งที่แล้ว เพราะตนปั่นรอบประเทศไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ด้วยความว่า 89 วัน กับ 7,089 กิโลเมตร ตนไม่สามารถเข้าทุกจังหวัดได้ “แต่ครั้งนี้คือตนไม่มีกำหนดเวลา ก็ไปเรื่อย ๆ ส่วนมากคนที่ติดตามตนเขาก็จะรู้ว่าตนไม่ได้มีภาพสวยเพราะตนไม่ได้มาเที่ยว ถ้าตนมาเที่ยวตนจะไม่เอาพระบรมฉายาลักษณ์ขึ้นหน้ารถ แต่ถ้าวันไหนอยากปั่นเที่ยวคืนนั้นคือปั่นเที่ยว เพราะครั้งนี้เป้าหมายคือปั่นจักรยานถวายเป็นพระราชกุศลให้กับในหลวงรัชกาลที่ 9 เพราะว่าจริง ๆ แล้วตนน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ท่านมีให้กับทุกอย่าง และอยากจะฝากขอบคุณทุกน้ำจิตน้ำใจหลายท่านที่เมตตา ไม่ว่าจะเป็นข้าวน้ำอาหารหรือแม้กระทั่งหยิบยื่นเป็นสินน้ำใจ เป็นเงินมาบ้างอะไรบ้าง ก็เป็นอาหารการกินและก็ส่วนหนึ่งที่ได้มาตนก็จะเอาไปเป็นค่าผ้าเพื่อร่วมบุญกันมากกว่า ตนก็ยังยืนยันคำเดิมว่า ตนไม่มีการเรี่ยไรใด ๆ ทั้งสิ้น” นายองค์อาจ กล่าวทิ้งท้าย