อยุธยา – มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยากเชิญถุงยังชีพพระราชทานมอบแก่ประชาชนราษฎรผู้ประสบภัย อุทกภัย
ภาพ / ข่าว นราเอก ตันศิริ : นพดล บำเพ็ญสัตย์
มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เชิญถุงยังชีพพระราชทานมอบแก่ประชาชนราษฎรผู้ประสบภัย อุทกภัยในพื้นที่ อำเภอบางปะอิน อำเภอท่าเรือ และอำเภอบางไทรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 14 ตุลาคม 2565เวลา ที่ อาคารเอนกประสงค์ (อาคาร SML) ตำบลตลาดเกรียบ อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เป็นประธาน นำหัวหน้าส่วนราชการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทหาร ตำรวจ เข้าประกอบพิธีรับมอบถุงยังชีพพระราชทานต่อเบื้องหน้าพระรูป พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ และ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา มอบต่อแก่ นายอำเภอบางปะอิน นายอำเภอท่าเรือ และนายอำเภอบางไทร
จากนั้นเป็นประธานนำมอบถวายถุงยังชีพแก่พระภิกษุสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ในวัดพื้นที่ประสบภัย จำนวน 15 รูป และเชิญถุงยังชีพ ให้ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อนำไปมอบแก่ราษฎรครัวเรือนผู้ประสบภัย โดยสิ่งของพระราชทานที่นำมอบแก่ราษฎรในครั้งนี้ ทำให้บังเกิดความปลาบปลื้มและความปลื้มปิติยินดีแก่ราษฎรทุกหมู่เหล่า รู้สึกซาบซึ้งสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ตามที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน “มู่หลาน” ประกอบกับอิทธิพลของพายุ “โนรู” ที่เคลื่อนตัวเข้าสู่ ประเทศไทย ทำให้มีฝนตกชุกหนาแน่นในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประกอบกับเขื่อนเจ้าพระยา ที่เพิ่มการระบายน้ำ ทำให้เขตพื้นที่อำเภอบางปะอิน ได้รับผลกระทบจำนวน 12 ตำบล 83 หมู่บ้านและประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบ 8,698 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนกว่า 27,287 ราย ทางอำเภอบางปะอิน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้อง ประชาชน ในพื้นที่รับผิดชอบเบื้องต้นแล้ว พร้อมได้จัดเตรียมสถานที่อพยพ จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ และจิตอาสาในการช่วยผู้ได้รับผลกระทบ ดำเนินการย้ายสิ่งของทรัพย์สินมีค่า รวมทั้งช่วยเหลือหรือการเคลื่อนย้ายผู้เปราะบาง ผู้พิการ ผู้ป่วย ติดเตียง ที่มีมากถึงจำนวน 135 ราย สถานที่ราชการ และสถานที่สำคัญ ได้รับผลกระทบ 60 แห่ง มีสถานที่สำหรับรองรับการอพยพ 48 แห่ง สามารถรองรับผู้อพยพได้ประมาณ 7,220 ราย