สมุทรปราการ-คืบหน้า กระบะป้ายแดงชนตำรวจด่วนบูรพาวิถี

สมุทรปราการ-คืบหน้า กระบะป้ายแดงชนตำรวจด่วนบูรพาวิถี

ภาพ/ข่าว:สุรศักดิ์ / ศราวุธ คงสินธ์ 

คืบหน้า กระบะป้ายแดงชนตำรวจด่วนบูรพาวิถี

               จากกรณีเมื่อชาวเที่ยงของวานนี้ที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาในขณะที่ ด.ต.วัชรินทร์ ศักดิ์สุริยวงศ์ ตำรวจทางด่วนบูรพาวิถี กำลังตรวจค้นรถยนต์กระบะต้องสงสัย ยี่ห้อ อีซุซุ สีขาว 4 ประตู ฝากระโปรงสีดำ ทะเบียนป้ายแดง ผ – 4407 กทม. ที่จอดเลยด่านเก็บเงินบนทางด่วนบูรพาวิถี ขาเข้ากรุงเทพมหานคร หลักกิโลเมตร ที่ 6 ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการมาเล็กน้อย ระหว่างที่เข้าตรวจค้นบริเวณประตูหลังคนขับ อยู่ ๆ คนขับได้เหยียบคันเร่งออกรถไปอย่างรวดเร็ว ทั้ง ๆ ที่ ด.ต.วัชรินทร์ ยังคาอยู่ในรถครึ่งตัว ทำให้ ด.ต.วัชรินทร์ ที่ถูกกระชากจนและลากไปกับรถก่อนจะกระเด็นตกพื้นถนนล้มกลิ่งอยู่บนถนนได้รับบาดเจ็บ ส่วนรถยนต์กระบะคันดังกล่าวได้ขับหลบหนี ก่อนย่องเข้ามอบตัวเมื่อช่วงกลางดึกเมื่อคืนนี้โดยอ้างว่าตกใจและไม่มีใบขับขี่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานในขณะปฎิบัติหน้าที่เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส บันทึกทำประวัติ ก่อนปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องผู้ก่อเหตุสมัครใจเข้ามอบตัวและไม่มีพฤติกรรมว่าจะหลบหนี

                ล่าสุดเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 นายวรันต์ หรืออาร์ม บัวเมือง ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะปฎิบัติหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรบางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ เข้าพบกับพนักงานสอบสวนอีกครั้ง เพื่อพิมพ์ลายนิ้วมือและทำประวัติ ก่อนจะรอส่งตัวไปยังโรงพยาบาลของรัฐในจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อตรวจร่างกายหาสารเสพติดในร่างกาย เพื่อนำมาใช้ประกอบสำนวน ทางคดี ในการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม พ.ต.ท. รังสรรค์ คำสุข หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว ได้เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆ แล้วยังไม่เข้าข่ายถึงขั้นความผิดในข้อหาพยามฆ่า แต่ปรากฏหลักฐานชัดเจน ว่าผู้ขับขี่มีพฤติกรรมที่เลงเห็นผลในการทำร้ายเจ้าหน้าที่ จึงตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะปฎิบัติหน้าที่จนเป็นเหตุทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนข้อหาเสพสารเสพติดด้วยหรือไม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างส่งตัวไปตรวจหาสารเสพติดที่โรงพยาบาลบางจาก เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลรัฐแห่งเดียวในจังหวัดสมุทรปราการ ที่สามารถตรวจหาสารเสพติดในร่างกายประเภท ยาเค ได้ เพราะผู้ต้องหายอมรับว่าเสพสารเสพติดชนิดยาเคมาก่อนหน้านี้ สำหรับข้อหาทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะปฎิบัติหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บนั้น ถือเป็นคดีอาญา และมีโทษสูงถึงจำคุกสิบปี ส่วนแฟนสาวในเบื้องต้นไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใด ๆ เพียงเรียกสอบปากคำในฐานะพยานที่อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้น ซึ่งขณะนี้ยังเหลือสาวประเภทสองอีกรายที่จะไม่เดินทางเข้าให้ปากคำหลังจากนี้จะได้อออกหมายเรียกตัวต่อไป ขณะที่ผู้ต้องหารายนี้ เปิดเผยสั่นๆว่าวันนี้พร้อมกับมารดาเดินทางไปเยี่ยมกับนายดาบตำรวจ ผู้บาดเจ็บแล้วแต่ยังไม่ได้พบกันและนายดาบตำรวจฝากเจ้าหน้าที่แจ้งกลับมาว่ายังไม่พร้อมจะพูดคุยขอพักรักษาตัวก่อน ในส่วนของตนเองยืนยันไม่มีเจตนาทำร้ายเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ทั้งนี้อยากกราบขอโทษทางตำรวจคู่กรณีและขอโทษสังคม ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทั้งนี้พร้อมจะเข้าไปเยียวยาผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

 

 

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!