สุพรรณบุรี-พระผู้มีแต่ให้เป็นที่พึ่งคนยากไร้วัดหนองวัลย์เปรียง
ภาพ/ข่าว:ทีมข่าวจังหวัดสุพรรณบุรี
พระผู้มีแต่ให้เป็นที่พึ่งคนยากไร้วัดหนองวัลย์เปรียง
วัดหนองวัลย์เปรียง ตำบลทุ่งคอก อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ให้คนยากจน ไม่มีเงิน บวช-เรียน-เผาศพฟรี พร้อมทั้งเปิดโรงทานเสบียงบุญให้ชาวบ้านทานฟรี นานกว่า 1 ปี โดยเรื่องราวของวัดหนองวัลย์เปรียง จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ประกาศทำพิธีเผาศพไร้ญาติให้ฟรี คนยากจนไม่มีเงิน แต่อยากบวช ก็บวชให้ฟรี พร้อมทั้งเปิดโรงทานเสบียงบุญใช้ชาวบ้านทานฟรี นานกว่า 1 ปี เพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่งทั้งหมดเป็นแนวคิดของ พระครูใบฎีกาสุรพล มหาปญฺโญ อายุ 52 ปี เจ้าอาวาส แต่ด้วยความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม บวกกับความมีน้ำใจโอบอ้อมอารีชอบช่วยเหลือก็ทำให้ชาวบ้านละแวกนั้นต่างเลื่อมใสศรัทธา ยกให้เป็นต้นแบบของพระนักพัฒนา
หนึ่งในอุดมการณ์ที่ยึดถือมาตลอดการครองผ้าเหลืองของ เจ้าอาวาสวัดหนองวัลย์เปรียงวัดเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีประติมากรรมสวยงาม ไม่ร่ำรวยเงินทอง มีเพียงคติธรรมคำสอน และเมตตาต่อชาวบ้าน ไม่ว่ายากดีมีจน กว่าหลายปี ที่ทางวัดประกาศจัดงานฌาปนกิจศพให้ญาติโยม โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ยิ่งสร้างศรัทธา และทำให้ชาวบ้านอยากเข้าวัดทำบุญมากขึ้น ที่นี่ยังให้โอกาสผู้ที่ต้องการเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ทำพิธีบวชเรียนฟรี เพียงมีเงื่อนไขว่า ไม่เป็นผู้ต้องโทษ หรือติดยาเสพติด ไม่เพียงแต่ช่วยเผาศพฟรี บวชฟรีเท่านั้น พระครูใบฎีกาสุรพล ยังเปิดโรงทานเสบียงบุญ ทำอาหารเลี้ยงฟรีให้กับผู้มีรายได้น้อย คนงานตามโรงงาน ชาวสวนชาวไร่ แรงงานชาวเมียนมาร์ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงและผู้ที่ผ่านไปมาได้รับประทานฟรี
พร้อมนำความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมที่ร่ำเรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยเป็นอาจารย์สอนหนังสือให้กับเด็กนักเรียนตามโรงเรียนต่างๆ แม้ในช่วงแรกที่เข้ามาเป็นเจ้าอาวาส จะมีชาวบ้านบางคนไม่ยอมรับ แต่ด้วยความเป็นพระนักพัฒนา ยึดมั่นในอุดมการณ์ ปฏิบัติดี เคร่งครัดในพระธรรมวินัย และมีน้ำใจจนเป็นที่ประจักษ์ ทำให้ พระครูใบฎีกาสุรพล ได้รับการยกย่องและเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านอย่างล้นหลาม
นายสมพร ใจซื่อ อายุ 52 ปี อาศัยอยู่ในบ้านติดกับวัดหนองวัลย์เปรียง มากว่า 50 ปี บอกว่า รู้สึกดีใจที่เห็นวัดได้รับการพัฒนา และมีคนเข้าวัดมากขึ้นแม้ทางวัดจะไม่มีการเปิดบัญชีรับบริจาคเงิน แต่พระครูใบฎีกาสุรพล กล่าวว่า หากผู้มีจิตศรัทธาอยากบริจาค สามารถทำได้ โดยต้องระบุวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน เพื่อที่ทางวัดจะได้นำเงินไปใช้ตรงความต้องการของผู้บริจาค ส่วนค่าใช้จ่ายภายในวัดส่วนหนึ่ง ก็ได้มาจากปัจจัยของท่าน ที่ออกไปบรรยายธรรมเทศนาตามที่ต่าง ๆวัดหนองวัลย์เปรียง อาจจะไม่ได้ใหญ่โต ไม่มีพุทธศาสนิกชนบริจาคเงินมากมาย แต่พูดได้ว่าที่แห่งนี้คือ ศูนย์รวมจิตใจ และที่พึ่งของชุมชนอย่างแท้จริง ต้นแบบของคำว่า “บวร” บ้าน วัด และโรงเรียน 3 เสาหลักที่ยึดโยงค้ำจุนสังคมไทยอย่างมั่นคง
พระครูใบฎีกาสุรพล กล่าวว่า ในช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เพื่อเป็นการถวายความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ไทย ทางวัดหนองวัลย์เปรียง และคณะกรรมวัดจึงได้เปิดโรงทานเสบียงบุญ ทำอาหารเลี้ยงฟรีให้กับผู้มีรายได้น้อย คนงานตามโรงงาน ชาวสวนชาวไร่ เด็กนักเรียน แรงงานชาวเมียนมาร์ และผู้ที่ผ่านไปมาแวะมารับประทานได้ทุกวัน ตั้งแต่ครั้งนั้นมาจนถึงปัจจุบัน โดยทางวัดมีแม่ครัวประจำวัดและชาวบ้านที่ว่างงานผลัดเปลี่ยนกันมาช่วยกันทำเมนูในแต่ละวันไม่ว่าจะเป็นข้าวไข่เจียว ไข่ดาว ไข่พะโล้ พัดกระเพรา ก๋วยเตี๋ยว แกงต่างๆ พร้อมน้ำดื่ม ส่วนโรงทานเปิดตั้งแต่เวลา 11.00 น.ถึง 14.00 น.หยุดทุกวันอาทิตย์ ส่วนศพยากไร้พระของวัดก็จะลงสวดให้หมดทั้งวัดพร้อมทั้งเข็นโลงศพวนรอบเมรุ และช่วยกันยกโรงศพเพื่อทำพิธีฌาปนกิจศพเองทั้งหมด
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/