สระแก้ว-แชร์สนั่น!สธ.แจง”แค่ฟังเขาเล่ามา รู้ไม่จริงแล้วแชร์ต่อ”
ภาพ/ข่าว:สวาท เกตุงาม
ขอบคุณภาพ : ธีระ แสงสุรเดช
ตื่นตระหนกทั้งจังหวัด..!
สาธารณสุขจังหวัดสระแก้วต้องออกโรงชี้แจง
“แค่ฟังเขาเล่ามา รู้ไม่จริงแล้วแชร์ต่อ”
กรณีมีผู้แชร์ต่อๆ กัน ทางสื่อโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับ คนที่เดินทางจากประเทศเกาหลี มาอยู่ที่ ต.ท่าเกษม อ.เมือง จ.สระแก้ว ว่าคลุกคลีกับคนทั่วไป ไม่ยอมกักตัว ทำให้คนแตกตื่น ไม่กล้าออกมาตลาด ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2563 เป็นต้นมา นั้น ต่อมา ทางสาธารณสุขสระแก้ว ได้ทำการตรวจสอบข่าว เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2563 ที่แชร์ดังกล่าว
ทางสำนักงานสาธารณสุขสระแก้ว ได้ชี้แจงว่า ข้อเท็จจริงกรณีผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังโรคที่ตำบลท่าเกษม อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว ที่เดินทางกลับจากเกาหลี(ไม่ใช้เมืองเสี่ยงสูง) ผู้เข้าข่ายเป็นหญิง เดินทางกลับจากประเทศเกาหลี (ไม่ใช้เมืองเสี่ยงสูง) เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2563 ต้องกัก 14 วัน ถึง 16 มีนาคม 2563 ผู้หญิงคนดังกล่าว แสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข แล้วขอกักตัวเอง 14 วันตามมาตรการของราชการ โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปดูแลและวัดไข้ทุกวัน ขณะนี้ปกติดี ไม่มีไข้ ขณะกักตัว สามีนำอาหารไปส่งและพูดคุยเพื่อให้กำลังใจ โดยใส่หน้ากากอนามัยป้องกันตนเอง อยู่ห่างกว่า 2 เมตร (โดยบอกว่าตนเองก็กลัวโรคนี้เหมือนกัน) ไม่ได้นัวเนียตามที่แชร์กันในโซเชียลมีเดีย ทางด้านสาธารณสุขอำเภอเมืองสระแก้ว และนายกเทศบาลตำบลท่าเกษม ได้ลงเยี่ยมให้กำลังใจ และให้คำแนะในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง พร้อมข้อควรระวัง เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563
ทางสาธารณสุขอำเภอเมืองสระแก้ว ปลัดอำเภอ ตำรวจ สภ.เมืองฯ จนท.เทศบาล ลงเยี่ยมบ้านพ่อ-แม่ สามีของผู้หญิงคนดังกล่าว ลงเยี่ยมบ้าน เมื่อ 12 มีนาคม 2563 ไม่ได้พาตัวไปหมดทั้งบ้านตามที่แชร์กันแต่อย่างใด ในขณะเดียวกัน ได้ขอความร่วมมือทางสามี ดังนี้ ส่งให้ส่งอาหาร ด้านหน้าประตูรั้ว และเดินทางกลับ ขอความร่วมมือสามีให้เก็บตัวที่บ้าน หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในที่สาธารณะ ในชุมชน ตลาด และร้านสะดวกซื้อ ให้ พ่อ-แม่ ช่วยดูแล และเป็นคนจัดหาอาหารแทน โดย ผู้หญิงดังกล่าว เป็นเพียงผู้ที่เดินทางจากประเทศเสี่ยง (แต่ไม่ใช่เมืองเสี่ยงสูง) เป็นคนท่าเกษม เป็นคนสระแก้วบ้านเรา มีความเข้าใจต่อสถานการณ์และยินดีกักตนเองตามมาตรการของทางราชการ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไปตรวจสุขภาพวัดไข้ทุกวัน ไม่ได้ป่วย มีสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีไข้ “หัวอกเขา หัวอกเรา” สังคมควรเข้าใจ ให้กำลังใจ และดูแล ไม่ให้เขารู้สึกว่าเป็นส่วนเกินของชุมชน ซึ่งจะเกิดผลลบมากกว่า ขอความร่วมมือ อย่าแชร์ข่าวคลาดเคลื่อน ที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง