กาฬสินธุ์-ทีมสหวิชาชีพเลื่อนสอบปากคำ นร.หญิง ม.2 คดีถูกน้าเขยข่มขืน
ภาพ/ข่าว:ทีมข่าวจังหวัดกาฬสินธุ์
จากกรณีแม่และยาย ผู้ปกครองเด็กหญิงวัย 13 ปี นักเรียนชั้น ม.2 ในพื้นที่ อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.หนองกุงศรี เพื่อดำเนินคดีกับน้าเขยอายุ 33 ปี ซึ่งเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง และอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกันข่มขืนมาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ป.6 ต่อเนื่องจนมาถึงชั้น ม.2 นานกว่า 2 ปี ซึ่งทาง พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ได้เข้าติดตามคดีด้วยตนเอง เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ
ล่าสุดวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าล่าสุดทราบจาก ร.ต.อ.ชยุตพล กู่ชัยภูมิ รองสว.สอบสวน สภ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีว่า วันนี้ได้พาตัว ด.ญ.บี (นามสมมติ) นักเรียนชั้น ม.2 อายุ 13 ปี มาสอบปากคำร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่อัยการ นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และผู้ปกครอง ที่สำนักงานอัยการ จ.กาฬสินธุ์ แต่ไม่สามารถสอบปากคำเด็กได้ เนื่องจากเด็กมีภาวะเครียด ไม่พร้อมที่จะให้ปากคำ จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและสตรี จ.กาฬสินธุ์ มารับตัวไปฟื้นฟูสภาพจิตใจ จนกว่าอาการจะดีขึ้น และหากพร้อมให้ปากคำ ทางเจ้าหน้าที่จะแจ้งมายังพนักงานสอบสวน และทีมสหวิชาชีพจะนัดสอบปากคำอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ตำรวจได้สอบปากคำแม่เด็กแล้ว แต่ต้องรอผลการสอบเด็กด้วย จึงจะสามารถดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไปได้
พล.ต.ต.ตรีวิทย์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีมีข่าวว่าทางแม่และญาติของเด็กจะมาขอถอนแจ้งความ ไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีแล้วนั้น จะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าสำหรับคดีต่างๆ ผู้เสียหายมีสิทธิที่จะถอนคำร้องทุกข์ได้ แต่หากเป็นคดีอาญาแผ่นดิน เช่นคดีนี้เป็นคดีอาญาแผ่นดิน แม้ผู้เสียหายจะถอนคำร้องทุกข์ไปแล้วก็ไม่ได้ตัดสิทธิพนักงานสอบสวนที่จะทำการสอบสวนคดีต่อไป ทั้งนี้จากการเข้าติดตามคดีและตรวจสอบพยานหลักฐานเบื้องต้นเชื่อได้ว่าอาจจะมีการกระทำผิดจริง ซึ่งหลังจากนี้หากสอบปากคำเด็กแล้ว พนักงานสอบสวนก็จะยึดตามพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริง ดำเนินการตามหน้าที่และตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป