ชลบุรี-จับ ตร.ภาค 2 รีดเงินชาวจีน 7 แสน หลัง ตร.ตามเจอคนจีน ที่ถูกก่อเหตุหนีกบดานที่พัทยา

ชลบุรี-จับ ตร.ภาค 2 รีดเงินชาวจีน 7 แสน หลัง ตร.ตามเจอคนจีน ที่ถูกก่อเหตุหนีกบดานที่พัทยา

ภาพ/ข่าว:นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี 

          จากกรณี นักท่องเที่ยวชาวจีน ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นตำรวจขับรถปาดหน้า ที่บริเวณด่านเก็บเงินบนถนนมอเตอร์เวย์ (ทางหลวงหมายเลข 7) ฝั่งขาเข้าพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี แล้วอุ้มไปรีดเงินจำนวน 700,000 บาท จนเป็นข่าวโด่งดัง ตามที่มีข่าวเสนอไปแล้วนั้น ความคืบหน้าในคดีนี้ พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมชุดสืบสวนภาค 2 และชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามหาตัวผู้เสียหายชาวจีน หลังไม่ยอมปรากฏตัว และไม่เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จนกระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ตำรวจไปพบ 2 ชาวจีน ทราบชื่อคือ นายจิน ฉุย อายุ 43 ปี และนายเฉิน เหว่ย อายุ 44 ปี หลังหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านจอมเทียน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยอ้างเบื้องต้นว่า ไม่กล้าเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ เพราะกลัวความผิดในเรื่อง หลบหนีเข้าเมือง
          นายจิน ฉุย อายุ 43 ปี และ นายเฉิน เหว่ย อายุ 44 ปี ให้การว่า ได้หลบหนีมาจากประเทศจีนเนื่องจากถูกออกหมายจับ ในประเทศจีน ฐานความผิดที่เกี่ยวข้องกับการพนัน จึงได้ลักลอบหลบหนีออกมาจากประเทศจีน เมื่อต้นเดือนธันวาคม ปี 2566 เข้าสู่ประเทศลาว หลังจากนั้น วันที่เกิดเหตุ ได้ลักลอบหลบหนีจากประเทศลาวเข้าสู่ประเทศไทย โดยข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาประเทศไทย ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยมีคนไปรับที่บริเวณริมแม่น้ำโขง ไปส่งที่สนามบินเชียงราย และต่อมามีคนมารับที่สนามบินเชียงรายมุ่งหน้าสู่เมืองพัทยา ก่อนจะถูกตำรวจตามจับกุมได้ดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจชุดสืบสวน ได้ควบคุมตัว ชาวจีนทั้ง 2 คน ส่งให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี ดำเนินคดีในข้อกล่าวหา หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ต่อมา ตำรวจมีการอายัดตัว นายจิน ฉุย อายุ 43 ปี และนายเฉิน เหว่ย อายุ 44 ปี สองชาวจีน มาทำการสอบปากคำที่ สภ.หนองปรือ ในกรณีที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นตำรวจ พาไปเรียกเงิน 700,000 บาท เพื่อแลกกับอิสรภาพ ตำรวจมีการสอบปากคำนานหลายชั่วโมง แต่ก็ยังไม่มีมีการออกมาเปิดเผยข้อมูลความจริง แถมยังมีกระแสข่าวว่ามีการออกหมายจับ ตำรวจจริง และ กลุ่มพลเรือน รวมทั้งหมด 5 คน
          ล่าสุดศาลจังหวัดพัทยา ได้อนุมัติหมายจับ ผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีทั้งหมด คือ นายตำรวจ ยศ ส.ต.อ.ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยาที่ 378/2567 ลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2567 ในข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ,เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต ,ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ,ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย” ต่อมาวันนี้ (23 ก.ค.67) เวลาประมาณ 10.45 น. ตำรวจสืบสวน ภาค 2 ได้นำหมายจับเข้าทำการจับกุม นาตำรวจ ยศ ส.ต.อ. ขณะที่ยืนอยู่หน้า กก.ปพ.บก.สส.ภ.2 ต.บางปลาสร้อย อ.เมือง จ.ชลบุรี เบื้องต้นเจ้าตัวให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา จากนั้น นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ ดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ ในคดีดังกล่าว ศาลจังหวัดพัทยา มีการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 4 ราย เป็นตำรวจจริง 1 นาย ( สังกัด บช.ก.) และพลเรือนอีก 3 ราย แต่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูล
          ต่อมาเวลา 14.00 น. วันที่ 23 ก.ค.67 ที่ สภ.หนองปรือ พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ. หนองปรือ ได้รับมอบตัว นายตำรวจ ยศ ร.ต.ต. อายุ 54 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ตามเลขที่ 379 / 2567 ในข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ,เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต ,ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ,ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย” โดยเบื้องต้นเจ้าตัวให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งนายตำรวจ ยศ  ร.ต.ต. ดังกล่าว เป็นตำรวจรายที่ 2 ที่เข้ามอบตัวสู้คดี รีดทรัพย์ชาวจีน 7 แสนบาท ต่อจาก นายตำรวจ ยศ ส.ต.อ.อายุ 30 ปี ซึ่งถูกจับกุม ได้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะเดียวกันพบว่า นายตำรวจ ยศร.ต.ต.ดังกล่าว ยังเป็นนักร้องเสียงดี ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ปรากฏอยู่ในช่อง YouTube ขณะที่ทำการสอบสวน เบื้องต้นเจ้าตัวให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ในระหว่างคุมตัวเข้าห้องขัง ผู้สื่อข่าวพยามยามสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เจ้าตัวไม่ได้ตอบคำถามใดๆ
          นอกจากนี้ พบว่าศาลจังหวัดพัทยา ยังอนุมัติออกหมายจับ พลเรือนที่เกี่ยวข้องเพิ่มอีก 3 คน ร่วมขบวนการรีดทรัพย์ชาวจีนรายนี้ ประกอบด้วย 1.นายวรพนธ์ อายุ 40 ปี 2.นายวชิระ อายุ 48 ปี และ 3. นายกมล  อายุ 33 ปี ฐานกระทำความผิดฐาน ร่วมกันเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์ , ร่วมกันเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการ มิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ร่วมกันข่มข่มขืนทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย โดยตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
          นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ ยังได้ตรวจยึดรถยนต์ ต้องสงสัย 2 คัน เป็นรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า ฟอจูนเนอ์สีขาว ทะเบียน 1 กผ 7939 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด เอฟเวอร์เลส สีดำ ทะเบียน 4 กฬ 5998 กรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเขตสองจังหวัดชลบุรี ตรวจเก็บลายนิ้วมือแฝงของผู้ก่อเหตุไว้ประกอบหลักฐานอีกด้วย

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!