กาฬสินธุ์-ยกเลิกทำแผนยอดหมอลำซิ่งมือฆ่าสองพ่อลูกนายฮ้อย แจ้ง 5 ข้อหาหนัก
ภาพ/ข่าว:ทีมข่าวจังหวัดกาฬสินธุ์
ความคืบหน้ากรณีที่นายเหรียญ ภูแถวเชือก อายุ 62 ปี และนายปิยพงษ์ ภูแถวเชือก อายุ 32 ปี สองพ่อลูกอาชีพนายฮ้อย ชาว ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ถูกคนร้ายฆ่าโหดยัดศพใส่ท้ายรถกระบะจอดทิ้งทุ่งนาบริเวณบ้านโนนสวรรค์ หมู่ที่ 8 ต.หนองอิเฒ่า อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ หลังกลับจากตลาดนัดโค-กระบือบ้านหัน จ.มหาสารคาม ชาวบ้านมาพบศพเมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ก่อนคุมตัวนายชลนที บัวกอง หรือยอด อายุ 20 ปี ชาวบ้านขี้เหล็ก ม.3 ต.กุดไส้จ่อ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ซึ่งอดีตหมอลำซิ่ง และเป็นนายฮ้อยด้วยกัน มาสอบปากคำ กระทั่งยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุ
ล่าสุดเวลา 10.00 น. วันที่ 20 กันยายน 2567 พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.สมยศ ศรีพระคุณ ผกก.สภ.ยางตลาด พ.ต.อ.นพวิทย์ ดิษฐาธนาธรศิริ ผกก.สืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนสภ.ยางตลาด ร่วมกันสอบปากคำนายชลนที บัวกอง หรือยอด อายุ 20 ปี อดีตหมอลำ และเป็นนายฮ้อยค้าวัว ผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่านายเหรียญ อายุ 62 ปี และนายปิยพงษ์ อายุ 32 ปี สองพ่อลูกอีกครั้ง โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งในระหว่างผู้ต้องหานั่งให้การกับตำรวจ นางสาวลลิตตา ภูแถวเชือก ภรรยานายปิยพงษ์ ได้เข้าไปเอาเอกสารในห้องสอบสวน และเดินผ่านก่อนตบไปที่หัวของผู้ต้องหา 1 ครั้งด้วย จากนั้นเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดกำลังคุมตัวนายชลนที ผู้ต้องหา ออกจากโรงพักเพื่อจะไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณจุดเกิดเหตุ โดยมีการคุมกันอย่างแน่นหนา ระหว่างกำลังเดินขึ้นรถมีญาติและเพื่อนบ้านผู้เสียชีวิตกว่า 20 คน ที่ยื่นอยู่หน้าโรงพัก พากันรุมเข้ามาหวังประชาทัณฑ์ พร้อมทั้งตะโกนสาบแช่ง ก่อนที่ตำรวจจะพาขึ้นรถออกไป และในระหว่างเดินทางผู้ต้องหาได้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าไม่ประสงค์ที่จะไปทำแผนแล้ว เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เจ้าหน้าที่จึงยกเลิกการทำแผนฯ และนำตัวไปส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ทันที
พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ผู้ต้องรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง โดยลงมือคนเดียว ไม่มีเพื่อนแก๊งร่วมขบวนการแต่อย่างใด โดยวันเกิดเหตุ 18 กันยายนมีผ่านมา เจอสองพ่อลูกที่ตลาดนัดโค-กระบือ บ้านหัน จ.มหาสารคาม เห็นคนตายขายวัวได้เงิน จึงวางแผนหลอกสองพ่อลูกมาดูวัวที่เลี้ยงไว้บริเวณเกิดเหตุที่ป่าพื้นที่บ้านหนองโก ต.โคกพระ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาหลอกทั้งสองคนเข้าไปในป่าช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. ทำทีให้ทั้งสองเดินนำหน้า แล้วชักปืนออกมายิงนายปิยพงษ์ 1 นัดแต่ไม่ถูก นายปิยพงษ์ จึงหันมาแล้วถูกยิงซ้ำไปอีก 1 นัด กระสุนถูกใต้รักแร้ด้านซ้ายล้มลง ส่วนนายเหรียญ เห็นลูกชายถูกยิง จึงพยายามวิ่งหนี แต่ก็ถูกผู้ต้องหาวิ่งไปดักหน้าแล้วยิงเข้าที่ซี่โครงซ้ายล้มลงเสียชีวิต จากนั้นค้นเอาเงินสดในกระเป๋าสะพายของนายเหรียญจำนวน 31,000 บาท และสร้อยคอทองคำ 1 บาท พร้อมกับนำอาวุธปืนโยนทิ้งสระน้ำใกล้กับที่เกิดเหตุ และหลบหนีไป ซึ่งเงิน 31,000 นั้นเอานำไปใช้หนี้ที่ติดค้างค่าหวย 22,000 บาท และสร้อยคอทองคำไปฝากเมียไว้ ก่อนกลับมาอีกในช่วงค่ำ เพื่อหาปลอกกระสุนปืน เก็บทำลายหลักฐาน แต่หาไม่เจอ จึงใช้เชือกผูกคล้องคอป้องกันลายนิ้วมือติดศพ แล้วลากนำไปขึ้นกระบะขนวัวของผู้ตาย และนำไปจอดไว้ที่ทุ่งนาบริเวณบ้านโนนสวรรค์ หมู่ที่ 8 ต.หนองอิเฒ่า อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ อย่างไรก็ตามหลังยกเลิกการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยแจ้งข้อหา คือ 1.ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2.ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนเป็นเหตุผู้ถึงแก่ความตาย 3.มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.พกพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และ5 เคลื่อนย้ายเพื่อปิดบังซ่อนเร้นศพ
ด้านนางสาวลลิตตา ภูแถวเชือก อายุ 30 ปี ภรรยานายปิยพงษ์ กล่าวว่า รู้จักกับผู้ก่อเหตุเพราะมีอาชีพนายฮ้อยค้าขายวัว เหมือนกับสามี และพ่อสามี ซึ่งในวันเกิดเหตุก็ยังโทรศัพท์สอบถามดูว่าเห็นพ่อและสามีหรือไม่ ซึ่งนายยอดก็บอกว่าได้นัดกันมาดูวัว แต่ตกลงราคาไม่ได้ และแยกทางกันไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าไปไหนพร้อมจะออกมาตามหาช่วย ทั้งนี้เท่าที่ดูลักษณะนิสัย หรือพฤติกรรมของนายยอด ซึ่งดูภายนอกเป็นคนซื่อๆไม่คิดว่าจะใจคอโหดร้ายฆ่าคนสองคนพร้อมกันได้ลงคอ ซึ่งหลังจากนี้ก็ให้ได้รับโทษในสิ่งที่กระทำไว้ และได้รับโทษสูงสุดประหารชีวิตไปเลย