อุตรดิตถ์-คัดกรอง ปชช.เข้ม หลังการรถไฟ เปลี่ยนต้นทาง
ภาพ/ข่าว:พูลชัย ราชประสิทธิ์
จ.อุตรดิตถ์ คัดกรอง ปชช.เข้ม หลังการรถไฟ เปลี่ยนต้นทางและปลายทางจาก กทม.-เด่นชัยเปลี่ยนมาเป็น กทม.-อุตรดิตถ์ เริ่ม 13 เมษายน เป็นต้นไป
เมื่อเวลา 09.30 น.ของวันที่13 เม.ย.63 ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จังหวัดอุตรดิตถ์ นายธนากร อึ้งจิตรไพศาล ผวจ.อุตรดิตถ์ เป็นประธานประชุมในเรื่องการคัดกรองประชาชนอย่างเข้มข้น ผลกระทบจากการยกระดับมาตรฐานการคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางเข้าจังหวัดแพร่ตามประกาศของรถไฟกรณีเปลี่ยนแปลงสถานีจอดต้นทางและปลายทางโดยมีนายภิพัช ประจันเขตต์ นายสมเกียรติ พูลสุขเสริม รอง ผวจ.อุตรดิตถ์ นายแพทย์เกษม ตั้งเกษมสำราญ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์ พ.อ.เทพฤทธิ์ เรือนคำรองเสนาธิการมทบ.35 พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตลอดจนนายอำเภอทุกแห่ง ร่วมหารือในประเด็นเพิ่มเติมสำคัญซึ่งจังหวัดอุตรดิตถ์ได้รับผลกระทบจากการยกระดับมาตรการการคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดแพร่ กรณีรถไฟประกาศเปลี่ยนแปลงจุดจอดต้นทางและปลายทางขบวนรถเร็ว 111 กรุงเทพฯ – เด่นชัย และขบวนรถเร็ว 112 เด่นชัย-กรุงเทพ เปลี่ยนจอดต้นทาง/ปลายทาง เป็นสถานีรถไฟศิลาอาสน์ ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2563 เป็นต้นไป
จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงตามที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ได้แจ้งเรื่องการยกระดับมาตรการการคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดไปยังผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาให้กับจังหวัดแพร่ในการเฝ้าระวังป้องกัน และควบคุมและลดการกระจายของเชื้อโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยให้ลดการเดินทางเคลื่อนย้ายและรวมตัวของประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนเดินทางเข้า – ออก จังหวัดแพร่จำนวนมากทำให้มีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ขอความร่วมมือเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ ให้จัดชุดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการในการคัดกรองประชาชนที่สถานีรถไฟทั้งสถานีอุตรดิตถ์ และศิลาอาสน์ เนื่องจากเกรงว่าจะมีประชาชนใช้บริการจำนวนมาก และเป็นสถานีต้นทาง/ปลายทางดังกล่าว คาดว่าจะมีผู้เดินทางเข้ามาในจังหวัดมากเช่นเดียวกัน
โดยในส่วนของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้มีการพัฒนา Application ช่วยติดตามการเฝ้าระวังคัดกรองและติดตามกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางมาจากต่างประเทศและต่างจังหวัดในระดับตำบล รวมถึงการพัฒนาใช้ระบบ Line ลับแลสู้โควิด Line Officail เป็นศูนย์ข้อมูลเชื่อมโยงไปทุกอำเภอ
ในการรายงานผลย้ำมาตรการเข้มของจังหวัดกรณีการรวมกลุ่มสังสรรค์ตามสถานที่ต่าง ๆ กิจกรรมทางประเพณีเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ของประชาชน แนวทางปฏิบัติในการดำเนินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรของคนสัญชาติไทยจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางในพื้นที่จังหวัดชายแดน
สำหรับกรณีในรายผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 1 ราย ได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2563 กลับบ้านโดยอยู่ภายใต้มาตรการเฝ้าระวังแบบ Home Quarantine มีตาและยายเป็นผู้ดูแล โดยทาง รพ.สต.คลองละมุง และสาธารณสุขอำเภอพิชัยติดตามอาการเป็นรายวัน ติดตามอาการต่อเนื่องให้ครบ 30 วัน (29 เม.ย.63)
ส่วนการเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางเข้ามายังจังหวัดอุตรดิตถ์ มีกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังสะสม 9,710 ราย ยังระวังอาการอยู่ 2,960 ราย เป็นกลุ่มที่เดินทางจากต่างจังหวัดสะสม 9,354 ราย ยังเฝ้าระวังอาการ 2,940 ราย กลับจากต่างประเทศ สะสม 356 ราย อยู่ระหว่างเฝ้าระวังอีก 20 ราย ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (PUI) ส่งตรวจหาเชื้อ COVID-19 สะสมจำนวน 32 ราย ไม่พบเชื้อ 27 ราย พบเชื้อ 3 ราย ยังรักษาอยู่โรงพยาบาล 2 ราย รักษาหายแล้ว 1 ราย ไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ และรอผลอีก 2 ราย
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/