ชลบุรี-สนธยา เผยรัฐเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว 1 พฤศจิกายนแบบไม่กักตัว
ภาพ/ข่าว:นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี
สนธยา เผยรัฐเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว 1 พฤศจิกายนแบบไม่กักตัว ส่งผลดีเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวพัทยาคึกคักแน่ช่วงไตรมาส 4 เตรียมแผนรับจัด Event ยาวรวด 5 งานหลักถึงสิ้นปี ขณะที่ก่อนเปิดเมืองเร่งระดมฉีดวัคซีนประชากร แรงงานไทย-เทศ ไปแล้วกว่า 70 % มั่นใจภูมิคุ้มกันหมู่แข็งแรง แต่ไม่ประมาทยังเข้มตาม ศบค.
นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวถึงกรณีที่ พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการ เร่งรัดให้ ศบค. และ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมพิจารณาให้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มเปิดรับการเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องกักตัว สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ซึ่งมาจากประเทศที่กำหนดไว้ว่าเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่เมื่อเดินทางเข้าประเทศไทยแล้วนักท่องเที่ยวทุกรายต้องแสดงตัวว่าปลอดเชื้อโควิด-19 โดยต้องมีหลักฐานผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ซึ่งทำการตรวจก่อนเดินทางออกจากประเทศต้นทาง และจะมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกครั้ง เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย หลังจากนั้นจึงสามารถเดินทางไปพื้นที่ต่างๆได้อย่างอิสระ ซึ่งเบื้องต้นได้กำหนดรายชื่อประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำที่จะสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ไว้ที่อย่างน้อย 10 ประเทศ เช่น อังกฤษ สิงคโปร์ เยอร มนี จีน และอเมริกา พร้อมมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้นอีกภายในวันที่ 1 ธันวาคม 64 และวันที่ 1 มกราคม 65 เพื่อเพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้นอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้นนั้น กรณีนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ส่ง ผลดีอย่างมากต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองพัทยา หลังจากที่สถาน การณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้การท่องเที่ยวของเมืองพัทยาซบเซามาเป็นเวลานาน ซึ่งปัจจัยเรื่องของการกักตัวนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างแรงกระตุ้นและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางมาเมืองพัทยามากยิ่งขึ้น ด้วยก่อนหน้านี้รัฐยังกำหนดมาตรการให้เรื่องของการกักตัว 7-14 วัน และการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ถึง 3 ครั้ง ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ดังนั้นเมื่อมีมาตรการผ่อนปรนลงและใช้มาตรฐาน SOP แบบเดียวกับ จังหวัดภูเก็ต ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้ไม่ปรับเปลี่ยนสถานที่ท่องเที่ยวหรือ Destination ใหม่ไปยังเมืองท่องเที่ยวอื่นและหันมาให้ความสนใจเมืองพัทยาเช่นเดิม ซึ่งจะทำให้ภาคเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของเมืองพัทยากลับมาคึกคักอีกครั้ง
ขณะที่เมืองพัทยาเองปัจจุบันเร่งเตรียมความพร้อมรองรับอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องการระดมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชากร รวมไปถึงแรงงานไทย แรงงานต่างด้าว และชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในพื้นที่ ซึ่งโดยค่าเฉลี่ยแล้วปัจจุบันสำหรับในพื้นที่เมืองพัทยามีการฉีดครบ 2 โดสไปแล้วกว่า 70 % ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งอย่าง เกาะล้าน ก็มีการฉีดวัคซีนครบ 3 โดสไปแล้วกว่า 100 % เต็มจึงมั่นใจว่าปัจจุบันมีภูมิคุ้มกันหมู่เกือบจะสมบูรณ์ ยังเหลือเพียงการฉีดวัคซีนให้เด็กนักเรียนอีกกว่า 4,000 คนที่จะเริ่มดำเนินการในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ แต่ทุกอย่างก็ยังจะต้องมีมาตรการเข้มข้นในการเฝ้าระวังและป้องกันอย่างจริงจังแม้ว่าจะมีการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวแล้วก็ตาม
นายสนธยา กล่าวต่อไปว่านอกจากมาตรการดังกล่าวข้างต้นแล้ว ขณะนี้เมืองพัทยาได้เตรียมแผนโครง การและงบประมาณในการจัด Event เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวหลังเปิดเมืองไปจนถึงสิ้นปีถึง 5 งานหลัก ที่จะเริ่มต้นตั้งแต่สัปดาห์ที่แรกของเดือนพฤศจิกายน ได้แก่ งานพัทยามิวสิค งานลอยกระทง งานพลุนานาชาติ งานเดินกินถิ่นนาเกลือ และสุดท้ายกับงานเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อย่าง งานพัทยาเคาท์ดาวน์ ซึ่งจะดำเนินการตามรูปแบบตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันหลังมีกระแสข่าวออกไปพบว่าได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นอย่างดี และจะเป็นกิจกรรมที่สร้างแรงกระตุ้นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อีกด้วย