ประจวบคีรีขันธ์-ผบ.กกล.สุรสีห์สั่งกวาดล้างแรงงานเถื่อนชายแดน
ภาพ/ข่าว:เอกภพ วงษ์ประเสริฐ
ผบ.กกล.สุรสีห์สั่งกวาดล้างแรงงานเถื่อนชายแดนพลักดันกลับประเทศต้นทาง กำชับเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเข้มช่องทางธรรมชาติสกัดกั้นชาวเมียนมาลักลอบเข้าเมือง หวั่นนำเชื้อโควิดแพร่ระบาดในไทย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 ก.ย.63 พล.ต.ฐกัด หลอดศิริ ผบ.กองพลทหารราบที่ 9 ในฐานะ ผบ.กองกำลังสุรสีห์ (กกล.สุรสีห์) ได้ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ กกล.สุรสีห์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงชายแดนที่จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร ชายแดนไทย-เมียนมา บ้านด่านสิงขร ม.6 ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อรับฟังสถานการณ์ตามแนวชายแดน และมาตรการในการเฝ้าระวังป้องกันชาวเมียนมาลักลอบหลบหนีเข้าไทยในทุกช่องทางธรรมชาติด้าน จ.ประจวบฯ เพื่อสกัดกั้นป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่อาจจะติดมากับชาวต่างด้าวชาวเมียนมา โดยมี พ.อ.วุทธยา จันทมาศ ผบ.ฉก.จงอางศึก นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ พ.อ.กรกานต์ นาเวชวนิชกุล รอง ผอ.รมน.จ.ประจวบฯ พ.ต.อ.ปฐม อุ่นอบ ผกก.ตชด.14 นายแก้ว คงวงศ์ ป้องกันจังหวัด นายชัยชาญ มูลมาก จ่าจังหวัด นายมานพ หนูสอน ประมงจังหวัด นายด่านศุลกากร สาธารณสุขอำเภอเมืองฯ ตำรวจภูธร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติป่ากุยบุรี ทหารพราน ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่น ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
โดย พ.อ.ธีรยุทธฑ์ เส้งรอด รอง ผบ.ฉก.จงอางศึก ได้กล่าวรายงานสรุปสถานการณ์ชายแดน และการดำเนินการปิดช่องทาง ทั้งนี้ จ.ประจวบฯ มี 34 ช่องทางหลัก 5 ช่องทางย่อยธรรมชาติ รวมทั้งหมด 39 ช่องทาง โดยช่องทางหลัก 34 ช่อง ได้ปิดไปแล้ว 27 ช่อง โดยเป็นการปิดด้วยลวดหนาม 14 ช่อง และปิดด้วยขวากไม้ไผ่และอุปกรณ์อื่นๆ 13 ช่อง ที่เหลืออีก 7 ช่องเป็นช่องทางรกทึบไม่มีการใช้งานแล้ว ส่วนช่องทางย่อยที่เป็นช่องทางธรรมชาติ จำนวน 5 ช่องทาง ดำเนินการปิดด้วยลวดหนามแล้วทั้งหมด โดยสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดมะริด ภาคตะนาวศรีของเมียนมาซึ่งมีพื้นที่ติดกับ จ.ประจวบฯ ปัจจุบันยังไม่พบรายงานการแพร่ระบาดของโรคโควิด แต่หน่วยงานในฝั่งไทยจำเป็นต้องวางแนวทางป้องกันเข้มงวดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้าสู่ประเทศไทย โดยมีการวางกำลังจุดตรวจ 24 ชม. จำนวน 18 จุด จุดตรวจชั่วคราวตามห้วงเวลา จำนวน 9 จุด ที่เหลือใช้การลาดตระเวนเฝ้าสุ่มตรวจตามห้วงเวลาพร้อมนำอุปกรณ์เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมทุ่นแรง เช่น สปอร์ตไลท์โซล่าเซลล์ และติดตั้งสัญญาณกันขโมยตามป่าเวลาเฝ้าตรวจ
จากนั้นคณะได้ลงพื้นที่ตรวจการปิดกั้นลวดหนามและเครื่องกีดขวางบริเวณช่องทางหลักและช่องทางธรรมชาติ ที่บริเวณช่องทางสิงขร ช่องทางอ่างเก็บน้ำเขาคันหอก ซึ่งทาง กกล.สุรสีห์ ได้ใช้เทคโนโลยีเสียงสัญญาณกันขโมยมาติดตั้งไว้ที่แนวลวดหนาม ซึ่งหากมีสิ่งใด บุคคลใด หรือวัตถุใดมากระทบ จะส่งเสียงสัญญาณเตือนให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อมาตรวจสอบว่ามีผู้ลักลอบมาในเส้นทางช่องดังกล่าวหรือไม่ ต่อจากนั้น พล.ต.ฐกัด ได้ตรวจเยี่ยมจุดตรวจประชารัฐ ซึ่งเป็นจุดตรวจร่วมกันของเจ้าหน้าตำรวจภูธร สภ.คลองวาฬ ตชด.ร้อย 146 ทหาร ฉก.จงอางศึก กำลัง อส. ชุด ชรบ.หมู่บ้านด่านสิงขร อสม. โดย ผบ.กกล.สุรสีห์ ได้มอบเครื่องดื่มบำรุงกำลังให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำงาน
จากนั้นได้เดินทางต่อ ไปยังจุดตรวจชุมชนบ้านย่านซื่อ ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานจุดตรวจชุมชนบ้านย่านซื่อ และเดินทางตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานไปยังจุดเฝ้าตรวจช่องทางวังเป้า ต.อ่าวน้อย อ.เมืองฯ เพื่อตรวจภูมิประเทศและแนวเครื่องกีดขวางต่อไป
โอกาสนี้ พล.ต.ฐกัด หลอดศิริ ผบ.กองพลทหารราบที่ 9 ได้กล่าวกำชับเน้นย้ำให้ทุกหน่วยร่วมช่วยกันสกัดกั้นบุคคลต่างด้าวที่พยายามมีการลักลอบเข้าประเทศไทย เนื่องจากอาจนำเชื้อโควิด-19 เข้ามาแพร่ระบาดในพื้นที่ตอนในของประเทศ ซึ่งถ้าหากมีการระบาดเกิดขึ้นจากผู้หลบหนีเข้าเมือง หน่วยงานความมั่นคงที่ดูแลตามแนวชายแดนคงจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ พร้อมทั้งสั่งกำชับให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นผู้ดูแลในพื้นที่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ฝ่ายปกครองในการสอดส่องดูแลและแจ้งเบาะแสข่าวสาร และให้หน่วยฉก.จงอางศึกเข้าไปดำเนินการแสกนตามหมู่บ้านชายแดนและสวนยาง เพื่อหาบุคคลต่างด้าวผิดกฎหมายที่แอบลักลอบเข้ามาทำงาน หรือหลบพักอาศัยกับญาติ เพื่อพลักดันกลับประเทศต้นทางต่อไป พล.ต.ฐกัด กล่าว
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/