เชียงใหม่-ผู้ว่าฯย้ำจุดเผาไหม้ 20,000 จุด ต้องไม่มีการทำไร่หมุนเวียน

เชียงใหม่-ผู้ว่าฯย้ำจุดเผาไหม้ 20,000 จุด ต้องไม่มีการทำไร่หมุนเวียน

ภาพ/ข่าว:ศูนย์ข่าวเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่

     ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ย้ำชัดจุดเผาไหม้ 20,000 กว่าจุด ต้องไม่มีการทำไร่หมุนเวียน และเพิ่มพื้นที่การเกษตรเด็ดขาด โดยจะนำภาพประกอบทางอากาศมาเป็นหลักฐาน หากตรวจพบจะตัดทำลายทิ้งทันที พร้อมดำเนินคดีอย่างจริงจัง

วันที่ 17 เมษายน 2563 เวลา 09.00 น. นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย พลเอก อำนาจ รอดสวัสดิ์ คณะทำงานรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมคณะทำงานศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่ารายวันอย่างต่อเนื่อง โดยเรียกประชุม 5 อำเภอ ที่เกิดจุด Hotspot มากที่สุด ได้แก่ อำเภอแม่แจ่ม กัลยาณิวัฒนา เชียงดาว ไชยปราการ และแม่วาง แม้จุดความร้อนที่เกิดขึ้นในเช้าวันนี้จะมีเพียงแค่ 35 จุด พบมากที่สุดที่อำเภอแม่แจ่ม 21 จุด ซึ่งยังไม่สามารถดับไฟที่เกิดขึ้นบนเขาสูงชันอีกหลายจุดได้ เพราะบางจุดต้องเดินเท้าเข้าไป 2 ชั่วโมง แต่ได้ระดมกำลังเข้าไปดับไฟ ทำแนวกันไฟ และส่งเฮลิคอปเตอร์ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 2 ลำ เข้าไปช่วยบินโปรยน้ำดับไฟอีกทางหนึ่งแล้ว ขณะที่อำเภอเชียงดาว ที่ยังคงเหลือพื้นที่ไฟป่าบนภูเขาสูงในบางจุด ซึ่งได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเข้าไปช่วยดับไฟแล้ว
       ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เน้นย้ำพื้นที่อำเภอเชียงดาว โดยเฉพาะจุดบริเวณรอบดอยหลวงเชียงดาว รวมทั้งในพื้นที่เสี่ยงที่อำเภอประเมินว่าอาจจะเกิดไฟป่า ซึ่งอำเภอเชียงดาวมีพื้นที่ที่เป็นผืนป่าจำนวนมาก และเป็นพื้นที่รอยต่อชายแดน ต้องมีการขับเคลื่อนใช้ชุดเฝ้าระวัง ลาดตระเวนของทุกภาคส่วนที่ส่งไปตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ให้เต็มประสิทธิภาพนอกจากนี้ยังมีกำลังเจ้าหน้าที่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ส่งเข้าไปในพื้นที่ ให้สนธิกำลังกับกำลังทหาร ฝ่ายปกครอง ชรบ. ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่รอยต่ออำเภอ หรือจังหวัด ให้จัดชุดเข้าไปดำเนินการอุดช่องว่างในพื้นที่คาบเกี่ยว หากมีการแบ่งกำลังแล้วถ้ากำลังพร่องไปให้ประสานมาทางจังหวัดพิจารณา เพื่อสลับเปลี่ยนกำลังจากพื้นที่อื่นเข้าไปช่วยกันให้ได้อย่างมีประสิทธิ ภาพ ในส่วนของอำเภอกัลยาณิวัฒนาและอำเภอแม่แจ่ม เป็นพื้นที่ที่ควรเร่งสร้างการร่วมมือเพราะเป็นพื้นที่ผ่อนผันทำกิน เป็นไปได้ว่าการประชาสัมพันธ์อาจยังเข้าไม่ถึง หรืออาจมีปัญหาทางด้านภาษา ให้ช่วยกันพิจารณา ใช้กลไกทางสื่อภาษาเข้ามาช่วย
       นอกจากนี้ ได้กำชับทางอำเภอแม่แจ่ม ให้วิเคราะห์จุดความร้อนที่เกิดขึ้นในตำบลแม่นาจร 4 จุด เนื่องจากเป็นพื้นที่ทางการเกษตรทั้งหมด และเน้นย้ำว่าหากเกิดไฟไหม้ในพื้นที่ป่าหรือพื้นที่ทางการเกษตรข้างเคียง และลามเข้ามาถึงที่ทำกินของชาวบ้าน ผู้ที่เป็นเจ้าของที่ถือว่าเป็นผู้ต้องสงสัย และหากพิสูจน์ได้ว่าจงใจเผา จะถูกเพิกถอนการใช้ประโยชน์ทันที ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมจนถึงปัจจุบัน จังหวัดเชียงใหม่ตรวจพบจุดความร้อนขึ้นทั้งหมด 20,695 จุด และหากพบว่ามีการปลูกพืชเกษตรในพื้นที่ที่เกิดจุดความร้อนขึ้นนี้ ต้องตัดทำลายทิ้งทันที เช่นเดียวกับการตัดทำลายไร่ฝิ่น
        ขณะเดียวกัน ทางศูนย์บัญชาการฯ จังหวัด กำลังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรวบรวมภาพถ่ายทางอากาศ ณ ปัจจุบัน ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ ที่เกิดการเผาไหม้ 2 หมื่นกว่าจุด เพื่อนำมาเป็นหลักฐานแก่ผู้ที่จะกล่าวอ้างว่าเป็นที่ทำกินของตนมาก่อนหน้านี้ ซึ่งภาครัฐจำเป็นอย่ายิ่งที่จะต้องรักษากฎหมายไว้ โดยย้ำต้องไม่ให้มีพื้นที่ไหนทำไร่หมุนเวียน เพิ่มพื้นที่การเกษตรในจุดที่เกิดไฟไหม้ไปแล้วเด็ดขาด ต้องใช้เทคโนโลยีตามหลักวิทยาศาสตร์ให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อพิจารณาตามความเป็นจริงและเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา ขณะนี้ได้มีการนำอากาศยานไร้คนขับ หรือ UAV ของกองทัพอากาศและกองทัพบก มาร่วมปฏิบัติการ เบื้องต้นจะวางแผนแบ่งโซนอำเภอเหนือ-ใต้ เข้าไปช่วยตรวจตราในจุดที่เกิดการเผา ส่วนในจุดที่เข้าไม่ถึงจะส่งเจ้าหน้าที่อุทยานเข้าไปช่วยสำรวจ เพื่อนำข้อมูลมาประกอบกัน โดยเร่งดำเนินการให้เห็นเป็นรูปธรรมเร็วที่สุด

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!