เชียงใหม่-ดึงชุมชนร่วมกันพัฒนา รักษาพื้นที่ป่า
ศูนย์ข่าวเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่
จังหวัดเชียงใหม่ขยายแนวคิด ดึงชุมชนร่วมกันพัฒนา รักษาพื้นที่ป่า สร้างแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรบนพื้นที่สูง ให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี ลดการปลูกพืชเชิงเดี่ยว
วันนี้ 23 เมษายน 2563 เวลา 09.00 น. นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมประชุมกับคณะทำงานศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามและเร่งแก้ไขไฟป่าอย่างต่อเนื่อง และประชุมผ่านระบบ VDO Conference กับอำเภอที่มีจุดความร้อนมากที่สุดในเช้าวันนี้ จำนวน 6 อำเภอ ซึ่งตรวจพบจุดความร้อนในเช้าวันนี้ จำนวน 43 จุด อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 19 จุด ป่าอนุรักษ์ 21 จุด และเขต สปก. 3 จุด เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้เล็กน้อย โดยพบที่อำเภอแม่แจ่มมากที่สุด จำนวน 11 จุด รองลงมาคืออำเภอเชียงดาว 9 จุด อำเภอสะเมิง 6 จุด อำเภอกัลยาณิวัฒนา ฝาง และหางดง อำเภอละ 3 จุด โดยอำเภอเชียงดาวได้ร้องขอสนับสนุนอากาศยานเพื่อช่วยบินโปรยน้ำในพื้นที่ภูเขาสูง กำลังภาคพื้นไม่สามารถเข้าไปได้ จึงได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ KA 32 ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้าไปช่วยในภารกิจดับไฟป่าแล้ว ในส่วนอำเภอหางดง ขอให้เจ้าหน้าที่อุทยาน ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เข้าตรวจสอบและติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นพื้นที่อยู่ใกล้ตัวเมือง เกรงว่าค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จะกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในตัวเมือง
จากนั้น ได้ร่วมประชุมผ่านระบบ VDO Conference กับ 25 อำเภอ เพื่อหารือเรื่องการบริหารจัดการเชื้อเพลิงหลังหมดช่วงห้ามเผาเด็ดขาด ในวันที่ 30 เมษายน ที่จะถึงนี้ ซึ่งจากที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ ได้รายงานลักษณะอากาศว่าในช่วงสัปดาห์นี้จะมีพายุฝนฟ้าคะนองทางโซนเหนือของประเทศ อำเภอโซนเหนือก็จะมีฝนตกลงมาบ้างในบางพื้นที่ แล้วจะหายไป จนถึงช่วงกลางเดือนพฤษภาคมก็จะเริ่มกลับมาตกอีกครั้ง แต่จะเป็นการตกเป็นหย่อมเล็กๆ ไม่ได้ตกทั่วทั้งจังหวัด จึงทำให้การวางแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิงโดยการเผา จะเริ่มจากอำเภอทางโซนใต้ที่มีสภาพแห้งแล้งก่อน และกำหนดวันเวลา (ช่วงเช้า 09.00 – 12.00 น. และช่วงบ่าย 14.00 – 17.00 น. เท่านั้น) และต้องปฏิบัติตาม 8 มาตรการที่ทางจังหวัดวางไว้ ควบคู่ไปกับการตรวจสอบสภาพอากาศ โดยจะเริ่มจากอำเภอโซนใต้ก่อน เพื่อบริหารจัดการเชื้อเพลิงให้ไม่กระทบต่อค่าคุณภาพอากาศ pm2.5 และสุขภาพของประชาชน ซึ่งแนวทางของจังหวัดเชียงใหม่จะเน้นให้ทุกอำเภอบริหารจัดการเชื้อเพลิงด้วยวิธีการอื่นมากกว่าการเผา เช่น การทำปุ๋ยหมัก การอัดใบไม้เป็นก้อนแล้วส่งขายตามโรงงาน ซึ่งจะเป็นวิธีที่สามารถสร้างรายได้ให้ชุมชน พร้อมกำชับขอให้ใช้วิธีการเผาเป็นลำดับสุดท้าย หากอำเภอใดต้องการจะไม่เผา ทางจังหวัดจะส่งหน่วยงานเกษตร ปศุสัตว์ ประมง ตลอดจนเจ้าหน้าที่วิชาการเกษตรต่างๆ เข้าไปช่วยอบรมให้ความรู้และแนะนำวิธีที่จะสร้างประโยชน์มากกว่าการเผาเหมือนในอดีต ซึ่งขณะนี้ได้ให้แต่ละอำเภอส่งรายชื่อเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าไปควบคุมการเผา เพื่อจะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดควบคุมดูแลให้จุดที่จะทำการเผา โดยขอให้ส่งมายังจังหวัดรวบรวมแล้วเสร็จภายในวันนี้ แล้วพรุ่งนี้จะส่งแผนกลับไปให้อำเภอตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง เพื่อจัดทำประกาศจังหวัดในการบริหารจัดการเชื้อเพลิงต่อไป
ล่าสุด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะร่วมกันพัฒนาและสร้างแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรบนพื้นที่สูง(บ่อพวงสันเขา) ทำให้เกษตรกรสามารถทำการเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี โดยนำเอาอำเภอแม่แจ่ม “แม่แจ่มโมเดล” มาเป็นต้นแบบของพื้นที่อำเภออื่นๆ ในเชียงใหม่ ซึ่งพื้นที่นำร่องของรัฐบาลสร้างชุมชนที่อาศัยและใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ให้หันกลับมาปกป้อง รักษา ดูแล และเป็นเจ้าของป่าอย่างเต็มตัว ซึ่งจะเป็นแนวทางลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านและเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่มีชาวบ้านอาศัยและทำกินอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อให้แผนการเพิ่มพื้นที่ป่าและสีเขียวของภาครัฐประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน