ราชบุรี – ตู้คอนโทรลไฟเตาหลอมแร่ระเบิด ทำไฟคลอกดับ 3 เจ็บสาหัส 4 ราย
ภาพ/ข่าว:สุจินต์ นฤภัย
เมื่อเวลา 22.55 น. วันที่ 16 ก.ค. 65 พ.ต.ท.สมบัติ จึงประสพสุข สว.(สอบสวน) สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุคนงานภายในโรงงานหลอมแร่ ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม ถูกไฟคลอกเสียชีวิต 3 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายราย หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี และ พ.ต.อ.สมบัติ โพธิ์งาม ผกก.สภ.โพธาราม ได้รับทราบ ก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมจนท.ชุดสืบสวน และจนท.กู้ภัยสว่างราชบุรี ที่เกิดเหตุภายในโรงงานหลอมแร่ ซึ่งตั้งอยู่ภายใน นิคมอุตสาหกรรม บริเวณชั้น 2 ของโรงงาน ข้างตู้คอลโทรลไฟฟ้าพบศพ 3 ราย นอนกระจัดกระจายตามพื้น สภาพศพถูกไฟคลอกตามร่างกายจนดำเป็นต่อตะโก ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาคือ นายสันทัด ห่วงทอง , นายโจ บัวทอง และ นายสมบูรณ์ ทองมอญ ส่วนที่บริเวณตู้คอนโทรลไฟฟ้าควบคุมไฟเตาหลอมแร่ มีร่องรอยถูกไฟไหม้ นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย จากการถูกไฟฟ้าช็อต ทราบชื่อต่อมาคือ MR.ZHOU JIHUANG , นายปรีชา แคโอชา , นายชัชวาล เพิ่มสาย และ นายขาว สมหวัง โดยเพื่อพนักงานและจนท.กู้ภัยได้นำตัวส่งรพ.โพธาราม ไปก่อนหน้านี้
จากการสอบสวนพนักงานทราบว่า โรงงานดังกล่าวนั้นเป็นโรงงานหลอมแร่เปิดมานาน 15 ปี ก่อนเกิดเหตุเป็นช่วงวันหยุด ทางโรงงานได้ให้ช่างไฟมาทำการซ่อมตู้คอนโทรลไฟฟ้าควบคุมเตาหลอมแร่เนื่องจากเสีย ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย จึงได้เข้าไปซ่อมไฟฟ้าที่ตู้ควบคุมไฟฟ้า แต่จู่ๆเกิดระเบิดขึ้นทำให้ไฟลุกคลอกผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย บริเวณหน้าตู้ควบคุมไฟฟ้า เพื่อนพนักงานผู้บาดเจ็บทั้ง 4 ราย จึงนำถังดับเพลิงฉีดพ่นเพื่อจะช่วยเหลือเพื่อนที่ถูกไฟคลอก แต่สารเคมีหมด จึงให้สายดับเพลิงของโรงงานฉีดน้ำใส่ ทำให้ไฟฟ้ารั่วมาช๊อตผู้บาดเจ็บทั้ง 4 ราย จนเจ็บสาหัส 3 ราย และบาดเจ็บปานกลาง 1 ราย เพื่อนพนักงานและจนท.กู้ภัย จึงรีบนำตัวส่งรพโพธารามด้าน พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผบก.ภ.จว.ราชบุรี ได้สั่งการให้จนท.ชุดพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ราชบุรี และจนท.ชุดสืบสวน เข้าทำการตรวจสอบหาสาเหตุของการระเบิดของตู้คอนโทรลไฟฟ้าควบคุมเตาหลอมแร่ และสั่งห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องขึ้นไปยังจุดเกิดเหตุ เพราะยังไม่มั่นใจว่าจะมีกระแสไฟอยู่อีกหรือเปล่า พร้อมประสานให้การไฟฟ้า เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับจนท.ตำรวจ พร้อมได้เรียกสอบพนักงานที่เห็นเหตุการณ์ เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเหตุที่แท้จริงต่อไป
